นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อร่วมมือสนับสนุนกิจการด้านพลังงานซึ่งกันและกัน ประกอบด้วยด้านยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการพลังงานในกิจการทหาร ,ด้านการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ,ด้านความร่วมมือในงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการสำรวจรวมถึงการผลิตทรัพยากร ,ด้านการเผยแพร่ข้อมูลพลังงานและการฝึกอบรม
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า พลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตของประชาชน กระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหมจึงตระหนักถึงความสำคัญของพลังงาน โดยจะร่วมมือกันส่งเสริม สนับสนุนวิจัยและพัฒนาด้านการพลังงานทุกรูปแบบ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรของทั้งสองฝ่ายอย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนั้น
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนให้ความร่วมมือครั้งนี้ได้เน้นย้ำในการจัดทำแผนการสำรอง รวมทั้งแหล่งทุนที่เหมาะสมในการส่งเสริมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล ในพื้นที่ที่พร้อมและมีศักยภาพ รวมทั้งการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเป็นโครงการต้นแบบในการส่งเสริมสวัสดิการชุมชนทหารและนำไปสู่การเป็นชุมชนประหยัดพลังงานหมู่บ้านสีเขียวที่ยั่งยืนต่อไป
ในส่วนของกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ใช้พลังงานในการปฏิบัติภารกิจเป็นมูลค่าสูง และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านพลังงานในสังกัด จึงพร้อมที่จะสนองนโยบายด้านพลังงานของประเทศในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน เช่นด้านพลังงานทดแทน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ประกาศเจตนารมณ์ในปี ๒๕๕๖ ให้หน่วยทหารสนับสนุนเรื่องพลังงานทดแทนโดยเฉพาะการนำระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้ควบคู่กับการใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานในหน่วยทหาร รวมทั้งการส่งเสริมการปลูกหญ้าเนเปียร์ในพื้นที่หน่วยทหารเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินงานด้านพลังงานของ กระทรวงกลาโหม ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพลังงาน ด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือปี ๒๕๔๘ และการจัดทำบันทึกข้อตกลงฯ ในครั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศในปัจจุบัน
ทั้งนี้ได้มีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ กำหนดแผนงาน โครงการระยะเวลา รายงานความก้าวหน้าให้ผู้บริหารแต่ละฝ่ายทราบอย่างต่อเนื่อง