สำหรับภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้ ยังคงมีการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรรุ่นอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ทั้งนี้จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายฝ่ายเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองและเอกชนอาจมีการออกมาตรการเพื่อลดความร้อนแรงของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 2.75%
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากบริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องแล้ว กองทุนประเภทตราสารทุนก็นับว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะกองทุนเปิดกรุงไทยซีเล็คทีฟ อิควีตี้ ฟันด์ (KTSE) ) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น นับตั้งแต่ต้นปี 2556 ที่ผ่านมา กองทุนมีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นปี 2555 อยู่ที่ 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 967 ล้านบาท ณ วันที่ 26 เมษายน 2556 และกองทุน มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยสามารถขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม (ข้อมูลจาก : สมาคมบริษัทจัดการลงทุนนับจากต้นปี ถึงวันที่ 12 เมษายน 2556 ) ในประเภทกองทุนรวมตราสารทุน ที่มีนโยบายการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 12 เมษายน 2556 ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 31.38 % สูงกว่า SET ซึ่งอยู่ที่ 17.76% ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 48.64% SET อยู่ที่ 30.6% และนับตั้งต้นปี ( YTD ) อยู่ที่ 24.94% SET อยู่ที่ 9.73%
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า กองทุน KTSE มีการบริหารจัดการแบบเชิงรุก (Active management) เน้นการลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวและมีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนให้มีความเฉพาะเจาะจง (Focus) ดังนั้น กระบวนการคัดสรรหุ้นและการจับจังหวะหรือกำหนดช่วงราคาในการเข้าลงทุนในหุ้นแต่ละตัว จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน
ทั้งนี้ กองทุนนี้ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนหุ้น ที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในปี 2555 ที่ผ่านมา กองทุน มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 5.05 บาท ต่อหน่วย หรือ คิดเป็นผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลประมาณ 30% ในขณะที่ปี 2556 (ม.ค.-เม.ย.) นี้ กองทุน KTSE ก็ได้มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 3.50 บาท/หน่วย หรือ คิดเป็นผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลประมาณ 20%