“แซส” โชว์ศักยภาพโซลูชั่น ช่วยธนาคารดีบีเอสในสิงคโปร์แก้ปัญหาเงินหมดตู้เอทีเอ็มได้ถึง 80%

อังคาร ๓๐ เมษายน ๒๐๑๓ ๑๓:๔๘
แซส แสดงศักยภาพของระบบโซลูชั่น ด้วยการช่วยระบบการบริหารจัดการลูกค้าของธนาคารดีบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ที่มีการทำธุรกรรมกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารจำนวนมากกว่า 1,100 ตู้ เป็นจำนวนถึง 25 ล้านรายการต่อเดือนและใช้บริการถอนเงินทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าของธนาคารจะไม่กลับไปมือเปล่า (เช่น ปัญหาเงินหมดตู้เอทีเอ็ม) ธนาคารดีบีเอสจึงใช้โซลูชั่นของ SAS? เพื่อคาดการณ์ถึงพฤติกรรมการถอนเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการเติมเงินให้กับตู้เอทีเอ็มได้อย่างเหมาะสม ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอระหว่างการเติมเงินให้กับตู้เอทีเอ็มมากกว่า 30,000 ชั่วโมงต่อปี

นายเดวิด เกลดฮิล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้ากลุ่มเทคโนโลยีและการดำเนินงาน ธนาคารดีบีเอส กล่าวว่า “เราให้บริการลูกค้ามากกว่า 4 ล้านรายในสิงคโปร์ และเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราที่จะต้องสร้างประสบการณ์การให้บริการที่สามารถครองใจลูกค้าได้ครอบคลุมทุกบริการทั้งหมดที่เรามีอยู่ และตู้เอทีเอ็มของธนาคารดีบีเอสถือเป็นจุดให้บริการที่มีอัตราการใช้งานสูงที่สุดในโลกอีกจุดหนึ่ง และทุกครั้งที่มีการหยุดให้บริการของตู้เอทีเอ็มหนึ่งเครื่อง นั่นหมายถึงความไม่สะดวกที่มีต่อลูกค้าของเรา ดังนั้น เราจึงต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายตู้เอทีเอ็มและขั้นตอนการดำเนินงานของเราอย่างต่อเนื่อง ธนาคารดีบีเอสจึงได้วิเคราะห์ข้อมูลการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มแต่ละตู้เพื่อคาดการณ์ถึงธุรกรรมที่จะเกิดขึ้น โดยเป้าหมายของธนาคารคือ การมีเงินสดในตู้เอทีเอ็มแต่ละตู้ที่เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเงินหมดตู้ และลูกค้าจะได้ไม่ต้องเดินออกไปหาตู้เอทีเอ็มอื่นๆ แทน”

นายเกลดฮิล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ก่อนหน้านี้ตู้เอทีเอ็มมักจะประสบปัญหาเงินสดหมดตู้ก่อนที่จะถึงกำหนดการเติมเงิน หรือเจ้าหน้าที่ของธนาคารจะต้องขับรถออกไปเติมเงินให้กับตู้เอทีเอ็มบางจุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการใช้บริการสูงสุด เช่น ในช่วงเวลาเที่ยงของแหล่งธุรกิจ”

เงินสดหมดตู้ลดลงถึง 80%

ด้วยโซลูชั่น SAS Analytics และความมุ่งมั่นในการนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า ธนาคารดีบีเอสจึงได้เดินหน้าปรับปรุงการดำเนินงานของเครือข่ายตู้เอทีเอ็มที่มีอยู่ทั้งสิ้นกว่า 1,100 ตู้ในสิงคโปร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และได้ผลลัพธ์ดังนี้

- กรณีเงินสดหมดตู้ (เช่น ตู้เอทีเอ็มเปล่า) ลดลงมากกว่า 80%

- ลูกค้าที่ต้องคอยระหว่างการเติมเงินสดให้กับตู้เอทีเอ็มกว่า 30,000 ชั่วโมงต่อปี หมดไป

- จำนวนครั้งในการเดินทางของเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อไปเติมเงินให้กับเครือข่ายของตู้เอทีเอ็มลดลง 20%

- จำนวนเงินสดที่เหลือกลับคืนไปยังธนาคารลดลงมากกว่า 40%

- ตู้เอทีเอ็มกว่า 1,100 ตู้สามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่

- ลูกค้า 4 ล้านรายเกิดความสะดวกในการใช้บริการตู้เอทีเอ็ม

นวัตกรรมที่เกิดจากการท้าทาย

ทั้งนี้ ธนาคารดีบีเอสได้ร่วมมือกับบริษัท แซส ในการพัฒนาและปรับใช้โซลูชั่นเชิงนวัตกรรมที่ได้ผสานรวมแนวคิดด้านการดำเนินงานที่แตกต่างกันของอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ รวมทั้งเทคนิคการวิจัยเพื่อดำเนินงาน เช่น การคาดการณ์ การปรับใช้งานให้เหมาะสม และทฤษฎีการเข้าคิว (Queuing Theory) เพื่อปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการเติมเงินตู้เอทีเอ็ม โดยความสำเร็จของการปรับใช้งานโซลูชั่นนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน 2 ประการ คือประการแรก คือการได้รับการคาดการณ์ที่ถูกต้อง และประการที่สอง คือการพัฒนาและดำเนินการปรับใช้งานโมเดลที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังได้สร้างสูตรการแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วยการนำเอาระบบอัจฉริยะมาปรับใช้กับขั้นตอนการดำเนินงานในปัจจุบัน ตลอดจนปรับเปลี่ยนเป้าหมายจากมาตรการตั้งรับไปเป็นการสร้างโมเดลป้องกันปัญหาต่างๆ โดยใช้วิธีการคาดการณ์เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในการใช้บริการโดยรวมได้อย่างชัดเจน

นายนิมิช ปัญชมาเทีย รองประธานอาวุโสฝ่ายดูแลช่องทางธนาคารแบบบริการตนเอง ธนาคารดีบีเอส และเป็นผู้นำในโครงการนี้ กล่าวว่า “เราประเมินรูปแบบการถอนเงินของลูกค้าซึ่งครอบคลุมตู้เอทีเอ็มแต่ละตู้ภายในเครือข่ายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการใช้การคาดการณ์เหล่านี้ ทำให้เราสามารถสร้างตารางเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อช่วยลดปัญหาเงินสดหมดตู้ ลดการเดินทางของเจ้าหน้าที่เพื่อไปเติมเงินให้น้อยที่สุด และลดค่าใช้จ่ายในการเติมเงินตู้เอทีเอ็ม โดยทั้งหมดนี้สามารถดำเนินงานได้จริงและมีประสิทธิภาพสูง”

เครือข่ายทรงประสิทธิภาพ

จากการคาดการณ์ที่แม่นยำเกี่ยวกับรูปแบบการถอนเงินตู้เอทีเอ็มแต่ละตู้ ผลลัพธ์ที่ได้จากการคาดการณ์นำมาเป็นข้อมูลอินพุตซึ่งช่วยระบุเวลาที่ตู้เอทีเอ็มมีแนวโน้มว่าเงินจะหมดตู้ ทำให้ธนาคารพัฒนาโมเดลในการสร้างตารางเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางไปเติมเงินตู้เอทีเอ็มในเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นแผนปฏิบัติการรายวัน

รายสัปดาห์ และรายเดือน ซึ่งช่วยลดจำนวนครั้งในการเดินทางไปเติมเงินตู้เอทีเอ็ม และขณะเดียวกันยังช่วยลดจำนวนเงินสดที่ต้องนำกลับมายังธนาคารจากการเติมเงินในตู้เอทีเอ็มแต่ละตู้ (เงินที่ยังค้างอยู่ในตู้เอทีเอ็มก่อนเติมเงินใหม่)

นายเกลดฮิล กล่าวว่า “การใช้โซลูชั่นเชิงนวัตกรรมด้านการวิเคราะห์นี้ (ถือเป็นที่แรกในแวดวงการธนาคาร) ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในการวิเคราะห์ธุรกิจของเราที่ช่วยเสริมกระบวนการทางธุรกิจให้เข้มแข็ง การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และทำให้เป็นบริการที่ดีเยี่ยมสำหรับลูกค้า"

ปัจจุบันธนาคารดีบีเอสยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและสร้างเฟรมเวิร์กด้านการวิเคราะห์ที่ดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพสูงภายในองค์กร และในขณะนี้ โซลูชั่นของแซสถูกนำไปปรับใช้กับแผนกต่างๆ ครอบคลุมทั้งองค์กรเพื่อช่วยในการจัดเตรียมการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าแบบเรียลไทม์ รวมถึงการวิเคราะห์ด้านเครดิตและการดำเนินงาน นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับขยายได้ของระบบยังช่วยให้ธนาคารดีบีเอสสามารถปรับกลยุทธ์การให้บริการชั้นเยี่ยมแก่ลูกค้าที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในฐานะสถาบันทางการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียได้เป็นผลสำเร็จอีกด้วย

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงการใช้โซลูชั่นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตู้เอทีเอ็มว่า “การใช้ SAS? Forecast Server และ SAS/OR? (Operations Research) สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เงินสดจะหมดตู้เอทีเอ็ม ช่วงระยะเวลาของตู้เอทีเอ็มที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากหรือน้อย ทำให้สามารถวางแผนเรื่องของค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการ ระยะเวลาและจำนวนพนักงานเพื่อนำเงินสดไปเติมที่ตู้เอทีเอ็มได้ สำหรับในประเทศไทยมีธนาคารหลายแห่งให้ความสนใจในการใช้บริการโซลูชั่น SAS Analytics เพื่อช่วยในการวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตู้เอทีเอ็ม ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และทำให้เงินสดไม่หมดจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งช่วยสร้างความพึงพอใจในการใช้บริการตู้เอทีเอ็มของลูกค้าจำนวนมาก”

เกี่ยวกับธนาคารดีบีเอส

ธนาคารดีบีเอสมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ธนาคารดีบีเอสเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์และเป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่ห้าอันดับแรกของฮ่องกงโดยวัดจากมูลค่าสินทรัพย์ที่มี รวมทั้งความโดดเด่นในด้านการให้บริการธนาคารเพื่อผู้บริโภค การคลังและตลาด หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ หุ้น และการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ นอกจากตลาดหลักในสิงคโปร์และฮ่องกงแล้ว ธนาคารดีบีเอสยังให้บริการลูกค้าองค์กร สถาบัน และธุรกิจค้าปลีกผ่านทางสำนักงานในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ธนาคารดีบีเอสติดอันดับในกลุ่มธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เกี่ยวกับบริษัท แซส

บริษัท แซส เป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์และบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Analytics) ด้วยโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมที่ให้ลูกค้าในรูปของ Integrated Framework ทำให้บริษัท แซส สามารถช่วยลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าผ่านการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีและรวดเร็วขึ้น สำหรับจำนวนลูกค้าที่ได้นำโซลูชั่นของแซสไปใช้แล้วนั้นมีมากกว่า 60,000 แห่งทั่วโลก และนับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา แซสเดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการเป็น "พลังแห่งการรอบรู้" (The Power to Know?) สำหรับลูกค้าทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ