อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตและขายถ่านหินในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 0.74 ล้านตันจากไตรมาส 1/2555เป็น 9.97 ล้านตัน ทั้งนี้เป็นผลจากการที่แหล่งผลิตในอินโดนีเซียมีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงฤดูฝนด้วยปริมาณผลิตและขายจำนวน 7 ล้านตันเพิ่มขึ้น 1.29 ล้านตัน ขณะที่ธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียมีปริมาณผลิตและขายลดลง 0.55 ล้านตัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหมืองถ่านหินแมนดาลองใช้เวลามากกว่าแผนในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร Longwall ไปยังพื้นที่การผลิตใหม่
“ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของไตรมาส 1 ที่ลดลง เป็นไปตามราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นมาตรการลดต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะที่แหล่งถ่านหินขนาดใหญ่เพื่อช่วยลดผลกระทบจากราคาขายถ่านหินที่ลดลง นอกจากนี้การผลิตถ่านหินของเหมืองออสเตรเลียเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากเหมืองแมนดาลองได้กลับมาดำเนินการผลิตจากเครื่องจักร Longwall แล้ว ซึ่งน่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในระยะต่อไปดีขึ้น” นายชนินท์ อธิบาย
สำหรับธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 10.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (303 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2555 ขณะที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ดำเนินการผลิตและขายไฟฟ้าได้ดี โดยบันทึกส่วนแบ่งกำไรจำนวน 17.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (510 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 จากไตรมาส 1/2555
นายชนินท์ กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 835 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 24,905 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 92 ของรายได้จากการขายรวม) จำนวน 770 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 22,962 ล้านบาท) ขณะที่มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน จำนวน 57 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 1,705 ล้านบาท) และรายได้อื่นๆ จำนวน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าหงสา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณร้อยละ 50 โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าหงสาจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2558
นายชนินท์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการซื้อหุ้นคืนที่บ้านปูฯ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ว่าได้ดำเนินการซื้อหุ้นคืนไปแล้วรวม 3,727,200 หุ้น หรือร้อยละ 1.37 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่ารวม 1,302.10 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน จำนวนประมาณ 13.56 ล้านหุ้นหรือร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด ภายในวงเงิน 6,150 ล้านบาท โดยโครงการซื้อหุ้นคืนจะสิ้นสุดภายในวันที่ 14 กันยายน 2556 นี้
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 บริษัท บ้านปูฯ มีสินทรัพย์รวม 7,754 ล้านเหรียญสหรัฐ (227,278 ล้านบาท) และมีหนี้สินรวม 4,691 ล้านเหรียญสหรัฐ (137,494 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 40 และ 23 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 สำหรับอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 เท่ากับ 0.81 เท่า เทียบกับ 0.79 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เท่ากับ 0.11 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น (3.28 บาทต่อหุ้น) เทียบกับ 0.26 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น (8.06 บาทต่อหุ้น) ปรับลดลงร้อยละ 57 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า