นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ดี การขยายการลงทุนภาครัฐ เอกชน และการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2556 รายได้และผลกำไรของบริษัทฯยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมีรายได้รวม 1,132 ล้านบาท ขยายตัว 23.6% และมีกำไรสุทธิ 47.9 ล้านบาท ขยายตัว 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าทั้งปีผลการดำเนินงานของบริษัทฯจะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือมีรายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท ขยายตัว 22 %
“การรับงานเพิ่มในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้บริษัทฯขยายตัว และในปีนี้บริษัทฯจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการโอนกรรมสิทธิ์ คอนโดมิเนียม เดอะ เทมโป รัชดา และเทมโป เอ็ม ติวานนท์ ที่สร้างเสร็จและอยู่ระหว่างการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ และน่าจะทำให้ผลการดำเนินการ ทั้งในแง่รายได้และกำไรโดยรวมของบริษัทฯดีกว่าปีก่อน” นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 1,132 ล้านบาท ขยายตัว 23.6% กำไรสุทธิ 47.9 ล้านบาท ขยายตัว 4.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 916 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 45.8 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดยพรีบิลท์ 971 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยบริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด 68 ล้านบาท ธุรกิจผลิตแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูปโดยบริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด 151 ล้านบาท และธุรกิจบริการหลังการขายโดยบริษัท บิลท์ ฮาร์ท จำกัด 0.5 ล้านบาท
ทั้งนี้การรับรู้รายได้ในส่วนธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการเดอะ เทมโป รัชดา เทมโป เอ็ม ติวานนท์ และเทมโป ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ — ไทรม้า ก่อสร้างเสร็จแล้ว เริ่มมีการทยอยรับรู้รายได้ในปลายไตรมาสแรกนี้ด้วย และรายได้จะเร่งตัวในช่วงไตรมาสที่สองไปจนถึงปลายปี ส่งผลให้เป็นไปตามเป้าหมายทั้งปีที่ 650 ล้านบาท
บริษัทฯวางเป้าหมายในปี 2556 โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท ขยายตัว 22% (Consolidated) มาจากบริษัทในเครือได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดยพรีบิลท์ 3,900 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยบิลท์ แลนด์ 650 ล้านบาท ธุรกิจผลิตแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูปโดยพีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล 528 ล้านบาท และธุรกิจบริการหลังการขายโดยบิลท์ ฮาร์ท 4 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า บริษัทฯมีนโยบายในการรักษาการขยายตัวของรายได้รวม และรักษาอัตราการทำกำไร ให้ขยายตัวดีและมีความต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกบริษัทมีมูลค่างานคงค้างในมือ (แบ็กล้อก) 6,700 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการประมูลอีกหลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มแบ็กล็อกให้ถึงระดับ 10,000 ล้านบาท ก่อนสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 จะมีการขยายการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียม Hi - Rise เดอะ เทมโป แกรนด์ แนวรถไฟฟ้า ที่มีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักทั้งสองส่วน จะสร้างความต่อเนื่องในการขยายตัวของรายได้และผลกำไรได้อย่างน้อย 3 — 5 ปีหลังจากนี้