นอกจากนี้ ยังมองว่ากลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่อการลงทุนในหลายรูปแบบก็น่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากเนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาฯในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ดินบริเวณหัวเมืองในจังหวัดท่องเที่ยวจะค่อนข้างบูม ผู้ประกอบการต่างๆทั้งรายใหญ่และรายย่อย ต่างก็เริ่มมีการพัฒนาที่ดินโครงการเพื่อทำเป็นที่พักอาศัยในแบบคอนโดมากขึ้นในการรองรับนักท่องเที่ยวและการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติ จึงเชื่อว่าตลาดคอนโดในหัวเมืองใหญ่จะยังไปได้อีกไกล ประกอบกับทางบริษัทฯ มีประสบการณ์ในด้านการทำที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯมาอยู่แล้ว อย่างเช่น โครงการ "ดิ เอสเตท แอท ท่าพระ" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน ก็จะช่วยเป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจและสร้างความมั่นใจที่ดีให้กับผู้ซื้อเพื่อการลงทุนได้"
ด้านนายชนะ นันทจันทูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า "ถ้าพูดถึงแนวคิดในการทำตลาดของโครงการ ดิ เอสเตท แอท ศรีราชา ผมคงต้องเปรียบเปรยเป็นสโลแกนสั้นๆว่า "ใครๆ ก็ซื้อได้" เนื่องจากเรามีปัจจัยทางด้านราคา ที่พยายามจะกำหนดให้ถูกลง ด้วยราคาห้องชุดที่เริ่มต้นที่ 5.99 แสนบาท ราคาจอง 999 และราคาผ่อนชำระเริ่มต้น 999 บาท เพื่อมุ่งหวังให้ลูกค้าได้มีสิทธิ์ที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นสินทรัพย์ของตนเองได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ยังต้องจ่ายค่าเช่าห้องอยู่ทุกเดือนก็สามารถซื้ออยู่เองได้สบาย โดยเปลี่ยนรูปแบบจากค่าเช่าห้องที่ต้องเสียอยู่แล้วทุกเดือน มาเป็นค่าผ่อนคอนโดแทน ทำให้ประหยัดกว่าและไม่กระทบกับระบบการเงินและค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อ จึงมีความคุ้มค่ากว่าแน่นอน"
ประการที่สอง จะเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งโครงการ ที่ถือว่าเป็น Prime Area ของจังหวัด เนื่องจากอยู่ติดถนนเก้ากิโล ใจกลางเมืองศรีราชา และเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังถนนบายพาส จึงมีความสะดวกสบายและประหยัดเวลาในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ อย่างมาก โดยใกล้ทั้งแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้า และถนนที่เชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยว และนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ
ประการสุดท้ายคือ "ดิ เอสเตท แอท ศรีราชา" เป็นคอนโดใจกลางเมือง แต่ยังคงความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตอยู่อาศัยได้ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยความร่มรื่นของสภาพแวดล้อมในโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ ทั้ง Access control card และระบบ CCTV ตลอดจนการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าทุกตารางเมตร โดยเป็นอาคารชุดพักอาศัย 8 ชั้นจำนวน 4 อาคาร ประกอบด้วยห้องชุด 768 ยูนิตและมีขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในเริ่มต้นตั้งแต่ 22.45 -27.57 ตรม. ซึ่งเป็นขนาด 1 ห้องนอน จึงสอดคล้องกับการไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยจริงในเมือง และยังมีพื้นที่ในส่วนของร้านค้าเพิ่มขึ้นมาอีก 13 ยูนิต โดยทางโครงการฯ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในช่วงปลายปี 2556 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2558 นี้"