พลเอก ชานต้า โกตเตโกด้า เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า “งานวิสาขบูชาที่ ศรีลังกาถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ จัดติดต่อกัน 7 วัน 7 คืน มีการปล่อยนักโทษให้ได้รับอิสรภาพถวายเป็นพุทธบูชา ตั้งโรงทาน และประดับประดาธงทิว โคมไฟต่างๆ โดยเฉพาะแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของศรีลังกา เรียกว่า Thorana จัดทำเป็นรูปเรื่องราวในพุทธประวัติเป็นชั้นๆ ไล่ระดับ พร้อมทั้งติดตั้งไฟประดับตกแต่งอย่างตระการตา การจัดงานร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในครั้งนี้ เป็นการจำลองบรรยากาศให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวศรีลังกาในการเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาซึ่งมีทั้งความเหมือนและความแตกต่างจากไทย”
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า “การจัดพิธีวิสาขบูชาในประเทศไทยนั้นมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยตามหลักฐานจากหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ โดยพระสงฆ์ลังกาในยุคนั้นได้เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาท ‘ลังกาวงศ์’ และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนั้นได้สืบต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่คณะพระธรรมทูตไทยได้ไปฟื้นฟูพุทธศาสนาในศรีลังกาอันเป็นที่มาของ ‘สยามวงศ์’ และ ‘สยามนิกาย’ ที่เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสถานทูตศรีลังกา ในส่วนของอยุธยาจะจัดการแสดงแสง เสียง และสื่อผสม ที่เป็นนาฏศิลป์ร่วมสมัยแนวพุทธธรรม ชุด “สารีริกธาตุบูชา มหาบารมี”, การบรรเลงเพลง “อนัตตา” โดย คุณนุภาพ สวันตรัจฉ์ ที่ผสมผสานแนวดนตรีแบบไทยกับเครื่องดนตรีของอินเดีย-ศรีลังกาอย่าง ‘ซีต้าร์’ และกลอง, การแสดงประกอบอุปกรณ์ไฟ โดย คุณสมโภชน์ ทองหยวก จากไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ที่จะสร้างความประทับใจอย่างยิ่ง”
สำหรับ วัดมหาธาตุซึ่งใช้ลานด้านหลังเป็นสถานที่จัดงานนั้น อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนคร ศรีอยุธยา เป็นวัดสำคัญที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และวัดนี้ยังเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งปกคลุมด้วยรากต้นโพธิ์อยู่ข้างวิหารเล็ก เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก