“เซนเตอร์ พอยต์” ปรับโฉมเป็น “โรงแรม” เต็มตัว สร้างเอกลักษณ์การบริการแบบสากลที่แฝงความเป็นไทย

ศุกร์ ๑๗ พฤษภาคม ๒๐๑๓ ๑๐:๓๗
เซนเตอร์ พอยต์ ปรับโฉมครั้งใหญ่ จากเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ สู่การเป็นโรงแรมเต็มตัว โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การบริการที่เป็นสากลผสมผสานความเป็นไทย นับเป็นโรงแรมแห่งแรกและแห่งเดียวที่รองรับได้ทั้งลูกค้าพักระยะสั้น ระยะยาว และนักท่องเที่ยว พร้อมตั้งฝ่ายพัฒนาคุณภาพงานบริการ หรือ Service Quality Development (SQD) ทำหน้าที่ฝึกอบรมและควบคุมคุณภาพเซนเตอร์ พอยต์ทั้ง 7 แห่ง ให้มีการบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เดินหน้าสู่การเป็น 1 ใน 10 โรงแรมใหญ่ในประเทศไทย

นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เซนเตอร์ พอยต์ (Centre Point) เป็นแบรนด์ของคนไทยที่เปิดให้บริการในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์มานานกว่า 20 ปี โดยมุ่งให้บริการลูกค้าที่เข้าพักระยะยาวมากกว่า 1 เดือน ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแต่เนื่องจากปัจจุบันมีชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยน้อยกว่า 1 เดือนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น เซนเตอร์ พอยต์ จึงได้ยื่นจดทะเบียน เป็นโรงแรม เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถรองรับได้ทั้งลูกค้าพักระยะสั้น ลูกค้าพักระยะยาว และนักท่องเที่ยว นับเป็นโรงแรมแห่งแรกและแห่งเดียวที่พลิกโฉมจากเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เป็นโรงแรมเต็มตัว โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ในประเทศไทย

“เซนเตอร์ พอยต์ โฉมใหม่ในรูปแบบของโรงแรม ได้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไป เน้นความเป็นสากลผสมผสานกับความเป็นไทย โดยห้องพักส่วนใหญ่ของเราใช้วัสดุตกแต่งด้วยไม้และภาพวาดที่สื่อถึงความเป็นไทย ส่วนพนักงานจะให้บริการด้วยกิริยามารยาทที่แฝงด้วยความเป็นไทย อ่อนน้อมสะท้อนความเป็นคนไทยและวัฒนธรรมไทย อาทิ เราจะกล่าวคำว่าสวัสดีและยกมือไหว้ ในการทักทาย นอกจากนี้ เรายังได้ตั้งฝ่ายพัฒนาคุณภาพงานบริการ หรือ Service Quality Development(SQD) เพื่อทำหน้าที่ฝึกอบรม และคอยติดตามดูแลให้ เซนเตอร์ พอยต์ ทุกแห่งมีการบริการตามมาตรฐานที่วางไว้ ประกอบกับจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ดีอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์การค้า แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง และการมีขนาดของห้องพักที่ใหญ่กว่า มีสุขอนามัยที่ดีกว่า พร้อม สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันให้เลือกใช้เมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาพักมากขึ้นและทำให้เรามั่นใจว่าลูกค้าที่เคยเข้าพักจะกลับมาพักซ้ำรวมทั้งมีการบอกต่อด้วย” นางสุวรรณา กล่าว

สำหรับโรงแรมเซนเตอร์พอยต์มีทั้งหมด 7 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ (Grande Centre Point) ซึ่งเป็นโรงแรมระดับหรู จำนวน 2 แห่ง และเซนเตอร์ พอยต์ เป็นโรงแรมระดับ 3—4 ดาวจำนวน 5 แห่ง กระจายอยู่ตามใจกลางเมืองบนเส้นทางของรถไฟฟ้าที่ให้ความสะดวกในการเดินทาง

โรงแรมระดับหรูของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินัล 21 และโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ 5 แห่ง ได้แก่ โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต, โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ชิดลม, โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ สีลม, โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ ประตูน้ำ และโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 10 รวมจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 2,215 ห้อง

นางสุวรรณา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเซนเตอร์ พอยต์ ปรับเป็นโรงแรมแล้ว สัดส่วนของลูกค้าที่เข้าพักระหว่างลูกค้าพักระยะยาวกับลูกค้าพักระยะสั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 30 : 70 ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มใหญ่ คือ เอเชีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และตะวันออกกลาง ส่วนลูกค้าคนไทยมีทั้งการเข้ามา ใช้บริการห้องพักและบริการอื่นๆ อาทิ ฟิตเนสซึ่งเปิดรับสมัครสมาชิก รวมถึงการใช้บริการห้องอาหารและห้องสัมมนา ซึ่งทุกแห่งสามารถให้บริการห้องสัมมนากลุ่มย่อยได้ ยกเว้นโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินัล 21 ที่สามารถรองรับการจัดงานประชุมสัมมนากลุ่มใหญ่และยังมีห้องฟังก์ชั่นสำหรับจัดงานแต่งงานด้วย

“ปัจจุบัน ชาวอเมริกันเข้ามาพักกับเรามากขึ้นหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รวมถึง ชาวยุโรปก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน และคาดว่าหลังจากเปิดเออีซีในปี 2558 จะมีลูกค้าจากประเทศในอาเซียนมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดการเข้าพักที่เซนเตอร์ พอยต์ เติบโตเพิ่มขึ้น” นางสุวรรณา กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ เซนเตอร์ พอยต์ จะใช้งบประมาณค่าการตลาดเพิ่มขึ้นคิดเป็น 4-5 % ของรายได้รวม จากปกติที่ใช้อยู่ประมาณ 2-3 % ของรายได้รวม เพื่อทำการบุกตลาดในประเทศแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน และจะเพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย โดยในประเทศเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้คนไทยได้รู้จักกับแบรนด์โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ นอกจากนี้ยังคงเน้นการจัดทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์กับลูกค้าและกลุ่มคู่ค้า ซึ่งเซนเตอร์ พอยต์ นับเป็นโรงแรมที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มคู่ค้าที่เป็นตัวแทนขาย ทุกช่องทาง ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศนั้น มีการไปร่วมงาน Trade Show และ Road Show และทำตลาดผ่านตัวแทนขายในต่างประเทศ ทางด้านช่องทางการขายนั้นจะใช้ 4 ช่องทางหลัก คือ ผ่านกลุ่ม Corporate และHousing Agents ผ่าน Travel Agents ผ่าน Online Travel Agents และผ่านเว็บไซต์ www.centrepoint.com โดยมีเป้าหมายยอดขายรวมทั้ง 7 แห่ง อยู่ที่ 1,900 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 15%

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก