นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ (HOTPOT) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์ สุกี้ ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟต์, ฮอท พอท บุฟเฟต์ แวลลู, ฮอท พอท ราเมน บุฟเฟต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ และไดโดมอน ซึ่งเป็นอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2556 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/56 เนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. เป็นช่วงเทศกาลมีวันหยุดยาวและเป็นช่วงปิดเทอมส่งผลดีต่อร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า พร้อมกันนี้ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดทำภาพยนตร์โฆษณาเผยแพร่ผ่านสื่อโทรทัศน์ซึ่งเป็นการส่งเสริมการตลาด เพื่อสร้างการเป็นที่รู้จัก และจดจำในกลุ่มผู้บริโภคของ HOTPOT และมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ร้านสาขาเองอีกด้วย ซึ่งบริษัทฯ สามารถควบคุมงบลงทุนด้านการตลาดได้ดีจากการเลือกใช้สื่อที่ดีเป็นประโยชน์และตรงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการขยายสาขาในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า อย่างต่อเนื่องซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1/2556 (1 มกราคม - 31 มีนาคม 2556) ฮอท พอท และไดโดมอน มีสาขารวม 139 สาขา โดยเป็นการเปิดสาขาใหม่ และสาขาที่ปิดปรับปรุงจำนวน 7 สาขาและปิดสาขา ที่ผลประกอบการไม่ดี หมดสัญญา จำนวน 6 สาขา
สำหรับแผนการขยายสาขาในปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับห้างโมเดิร์นเทรดระดับผู้นำด้านค้าปลีกสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัยระดับประเทศในการ เปิดสาขาของบริษัทฯ ทั้ง ฮอท พอท และไดโดมอน อย่างต่อเนื่องรวมทั้งมีแผนเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วประเทศในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งการลงทุนต่อสาขาโดยปกติ จะใช้เงินลงทุนราว 7-8 ล้านบาทต่อสาขา
“ผลประกอบการไตรมาส 2/56 ถือว่า ดีจากไตรมาส 1/56 เพราะเดือนเมษายน วันหยุดเยอะเป็นช่วงขายดีของบริษัทฯ รวมทั้งเป็นช่วงปิดเทอม และถือว่าการทำการตลาด มีโฆษณาผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โฆษณาชุดแรกที่ออกไปได้รับการตอบรับดีมาก ปีนี้ทั้งปีเราจะมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ รูปแบบเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นางสาวสกุณา กล่าว
ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/56 ว่าบริษัทฯ มีรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.88 เมื่อเปรียบเทียบ กับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 527.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.31 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 463.16 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ณสิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทฯ มีสาขารวม 139 สาขา นอกจากนี้ช่วงต้นปี 2556 ยังมีการทำการตลาด
โดยใช้สื่อโทรทัศน์ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลตอบรับในส่วนของรายได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจากการลงทุนขยายสาขาและใช้งบลงทุนด้านการตลาด ส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัทฯ ที่มีการลงทุนและต้องชำระค่าเสื่อมราคา สาขาใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบการรับรู้ค่าใช้จ่าย ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/56 จึงลดลง 7.24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/56 อยู่ที่3.58 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในคราวเดียว ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในคราวเดียวลดลงและส่งผลดีต่อกำไรสุทธิของบริษัทฯ ด้วย