นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC เปิดเผยถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจว่า จากแนวโน้มการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ปี 2558 ทำให้มีโอกาสทางด้านธุรกิจเพิ่มมากขึ้น จึงได้วางกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายฐานเข้าสู่ตลาดดังกล่าว โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน เพื่อเป็นการขยายฐานการตลาดและเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ
โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นจุดแข็งและศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจเพื่อรองรับภาวะการแข่งขันที่จะมีมากขึ้น สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นมูลค่าเพิ่ม (Value-Added) ให้กับลูกค้า อาทิ ธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) , ระบบป้อนงานอัตโนมัติ (Automation) , การบริการ และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Service and Preventive Maintenance) รวมถึงแผนงานในการเข้าสู่ตลาดอาเซียน (Road to Asian Project) เพื่อสอดรับกับวิสัยทัศน์บริษัทในการมุ่งสู่การเป็น World Class Manufacturing ที่มุ่งเน้นการเป็นผู้นำการสร้างนวัตกรรมด้านการออกแบบและผลิตเครื่องจักร เครื่องทุ่นแรง ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ภายใต้การผสานทุนทางปัญญาและเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างกลมกลืน นำมาซึ่งคุณค่าที่ลูกค้าต้องการด้วยมาตรฐานระดับสากล
เขากล่าวต่อว่า TMC มีจุดเด่นจากทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจด้านดังกล่าวเป็นเวลานาน รวมถึงทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการตลาด อุตสาหกรรมการผลิต และด้านอื่นๆ ด้วยแบรนด์ที่เป็นของตนเอง ทำให้มีความสามารถเหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะด้านราคาและการบริการ ตลอดถึงความยืดหยุ่นในการผลิตค่อนข้างสูง มีโปรแกรมสำเร็จรูปทางด้านวิศวกรรมและบริหารการจัดการทรัพยากร (ERP) ที่ใช้ติดตามและควบคุมกระบวนการทำงานและต้นทุน และจุดแข็งด้านการเงิน และที่ผ่านมาได้ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มีภาระด้านดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการเติบรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,002 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.13 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 215.88 เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจาก 141.14 ล้านบาท เป็น 167.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.96 จากยอดคำสั่งซื้อค้างส่งที่มีปริมาณสูงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จากการปรับเปลี่ยนโฉมยานยนต์จากรุ่นเดิมของค่ายรถยนต์ต่างๆ ประกอบกับสามารถบริหารต้นทุนในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลดลงของต้นทุนทางการเงิน จึงส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นและต้นทุนทางการเงินลดลง
“ผลประกอบการที่ก้าวกระโดดถือเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก ผลจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของผู้บริหารและพนักงาน TMC เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าอย่างดีที่สุด เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกันตลอดไป และจากการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ผนวกกับความต้องการรถยนต์ในทุกรุ่นที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเห็นได้จากคำสั่งซื้อเครื่องจักรทั้งจากโรงงานในประเทศและต่างประเทศที่ TMC ผลิต ขณะเดียวกันปีนี้ยังมีงานในมือที่จะทยอยรับรู้อีกกว่า 418 ล้านบาท จึงมีแนวโน้มว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน”นายสุรเชษฐ์ กล่าวในที่สุด