นางภัทราพร เตชะไพบูลย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท แอมโบรสไวน์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายไวน์นำเข้าจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า แอมโบรสไวน์ เป็นบริษัทซึ่งมีการนำเข้าไวน์ มาแล้ว 16 ปี ซึ่งมี แบรนด์ Hardys (ฮาร์ดี้) เป็นแบรนด์หลัก ทั้งนี้แบรนด์ฮาร์ดี้ เป็นไวน์ที่มีสัดส่วน ยอดขายในตลาดยุโรปถึงร้อยละ 70 ที่ครองตลาดหลักอยู่ที่ อังกฤษ และ ยุโรป โดยในปีนี้บริษัทได้เปิดตัวไวน์ตัวใหม่ 2 รุ่น ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ในกลุ่ม "วิลเลี่ยม ฮาร์ดี้" ไวน์เมกเกอร์ รุ่นที่ 5 ของ Hardys "วิลเลี่ยม (บิล) ฮาร์ดี้" ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปลูกองุ่นและทำไวน์ มากว่า 40 ปี จากการสืบทอดเจตนารมณ์จากรุ่นทวด คือ “โทมัส ฮาร์ดี้”
ทั้งนี้ไวน์แบรนด์ Hardys มีช่องทางการขายในรีเทล และ ตามร้านอาหารทั่วไป ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมาย การเปิดตัวไวน์ทั้ง 2 รุ่น น่าจะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตขึ้นร้อย 15 มากกว่าตลาด ที่มีการเติบโตร้อยละ 10 ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระแสข่าวลือเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาภาษีกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นำเข้า อาจส่งผลกระทบให้ตลาดไวน์นำเข้ามีอัตราการเติบโตลดลง ทั้งที่ช่วงที่ผ่านมาตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8-10 โดยในช่วง 15 ปี ตลาดไวน์มีปริมาณอยู่ 1.3 ล้านลัง ส่งผลให้ราคาภาษีกลุ่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ปรับราคาไปด้วยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา จากสัดส่วนร้อย 25 ขึ้นเป็นร้อยละ 60 ดังนั้นตลาดจึงมีปริมาณการเติบโตลดลงจากเดิม 1 ล้านลัง เหลือเพียง 3 แสนลัง
“ดังนั้นมีความเกรงว่าหากมีการปรับราคาภาษีเกิดขึ้นจริงจะส่งผลให้ตลาดมีภาวะการทรุดตังลงอย่างแน่นอน สำหรับในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักกับตลาดไวน์ระดับล่าง โดยสังเกตการณ์จากสัดส่วนในตลาด MASS ที่มีราคาเฉลี่ย 400-500 บาทมีสูงถึงร้อยละ 60 ขณะที่ตลาดไวน์ราคา 600-1,000 บาทขึ้นไปมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น