“สินค้าตกแต่งบ้าน” มั่นใจเป้าส่งออกปีนี้พุ่ง 15,500 ล้านบาท แนะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใช้เวที BIG & BIH ทดสอบฝีมือทำตลาด

อังคาร ๑๑ ตุลาคม ๒๐๐๕ ๑๕:๒๙
กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--อินดัสเทรียล ดีไซน์ เน็ทเวิร์ค
สมาคมสินค้าตกแต่งบ้าน” เชื่อเวที BIG & BIH 2005 เพิ่มยอดขายสมาชิก10% ดันเป้าส่งออกปีนี้สูงกว่า 15,500 ล้านบาท ชี้ตลาดใหม่ “อเมริกาใต้” โดยเฉพาะเม็กซิโก-บราซิล น่าสนใจกำลังซื้อมากโอกาสขยายตัวสูง เผยกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ นำวัสดุเหลือใช้แปรรูปใหม่ ขณะที่ตลาดเดิมพัฒนาสินค้าสู่ตลาดระดับสูงขึ้น แนะผู้ประกอบการส่งออกรุ่นใหม่ทดสอบฝีมือจัดงานในประเทศก่อนออกนอกบ้าน ประหยัดค่าใช้จ่าย คุ้มค่าแก่การลงทุน
นางพัทธ์ธีญา พสุจรัสพงศ์ นายกสมาคมสินค้าตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน 2548 (Bangkok International Gift Fair & Bangkok International Houseware Fair : October 2005) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17-22 ตุลาคมนี้ คาดว่าสมาชิกของสมาคมฯ ที่เข้าไปร่วมจัดแสดงสินค้าจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เช่นเดียวกับเดือนเมษายน ที่ผ่านมา และเป้าหมายการส่งออกในปีนี้จะมีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 388.47 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 15,538.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 12%
ทั้งนี้ ตลาดหลักของสินค้าของตกแต่งบ้านในปัจจุบัน ได้แก่ ยุโรป ประมาณ 60% สหรัฐอเมริกา 30% และตลาดอื่นๆ 10% ส่วนตลาดที่มีศักยภาพได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สเปน แคนาดา เนเธอร์แลนด์ โดยสินค้าที่มีอัตราการส่งออกขยายตัวสูงสุด ได้แก่ สินค้าประทีปโคมไฟ กรอบรูปไม้ ของชำร่วยและเครื่องประดับ เป็นต้น
สำหรับตลาดใหม่ที่ผู้ประกอบการไทยควรจะเข้าไปขยายตลาดนั้น ได้แก่ ตลาดแถบอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศเม็กซิโกและบราซิล นอกจากนี้ยังมีประเทศในแถบยุโรปที่มีพื้นที่ติดกับประเทศรัสเซีย โดยตลาดเหล่านี้น่าสนใจและมีโอกาสขยายตัวสูง เนื่องจากมีกำลังซื้อมาก ซึ่งในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาด จะมีการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในด้านรูปแบบ ประโยชน์ใช้สอย เทคนิคการผลิตตราสินค้า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น รวมทั้งผลิตตรงตามแนวโน้มความต้องการของตลาดโลก สร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ และเน้นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ วัสดุเหลือใช้หรือการแปรรูปจากสินค้าอื่น นอกจากนี้จะผลักดันและเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง ขณะที่ตลาดเดิมจะเน้นให้พัฒนาสินค้าสู่ตลาดในระดับสูงขึ้น
นางพัทธ์ธีญากล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยควรจะให้ความสำคัญและนำสินค้ามาจัดแสดงในประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแล้ว การจัดแสดงในประเทศจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก ขณะที่การนำสินค้าไปแสดงในต่างประเทศแต่ละครั้ง จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการจัดแสดงในประเทศ 3-4 เท่า และเสียเวลาในการขนย้ายสินค้า รวมทั้งโอกาสที่สินค้าจะได้รับความเสียหายมีมากกว่า
“โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีความคิดจะทำตลาดส่งออก ควรใช้เวที BIG และ BIH เป็นการเริ่มต้นและทดสอบการทำตลาดของตนเอง เนื่องจากเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่และสวยที่สุดของประเทศและในเอเชีย ผู้เข้ามาชมงานส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อตัวจริง นับเป็นส่วนสำคัญที่จะต่อยอดและทำตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจทำตลาดส่งออก แต่ยังไม่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการนำสินค้าไปร่วมแสดงในงานในต่างประเทศ” นายกสมาคมสินค้าของตกแต่งบ้านกล่าว
ปัจจุบันสมาชิกของสมาคมสินค้าของตกแต่งบ้าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการมืออาชีพ ซึ่งมีประมาณ 65% โดยมีประสบการณ์การทำตลาดส่งออกนานกว่า 10 ปี และกลุ่ม Young Trend ประมาณ 35% เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีพื้นฐานในการขายและทำตลาดในประเทศ และมีความคิดที่จะทำตลาดส่งออก โดยเล็งเห็นว่าการเข้ามาร่วมจัดแสดงสินค้าในประเทศจะเป็นบันไดในการต่อยอดขายที่ดีให้กับตัวเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท อินดัสเทรียล ดีไซน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด
โทร 02 — 203 0522--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ