นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงาน มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่ประชาคมอาเซียน ที่โรงแรมตักสิลา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ว่า เกษตรอินทรีย์ เป็นภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2549 โดยมีเป้าหมายในการรณรงค์ส่งเสริมให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและการใช้สารเคมีทางการเกษตร เพื่อพัฒนาเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ สร้างความเข้มแข็งให้เกิดในระบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียนและระดับนานาชาติ โดยแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ แห่งชาติฉบับล่าสุด ปี๒๕๕๖-2559โดยกำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตการค้า และการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ ในระดับภูมิภาคอาเซียน
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อไปว่า เกษตรอินทรีย์เป็นกระบวนการผลิตที่ใช้หลักความสมดุลตามธรรมชาติมีการบริหารจัดการระบบการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผผลผลิตที่ปลอดภัยต่อสุขอนามัยของทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตที่มีคุณภาพแก่ผู้บริโภคภายในประเทศและการผลิตเพื่อการส่งออก โดยแนวโน้มในการส่งออกผลผลิตเกษตรอินทรีย์ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ประเทศต่างๆ เช่นอเมริการ ญี่ปุ่น แคนนาดา ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ กว่า 100 ประเทศ มีความต้องการผลผลิตเกษตรอินทรีย์เพื่อการบริโภคเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้แระเทศไทยยังเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตร และนโยบายรัฐบาลให้ภาคเกษตรเป็นครัวของโลกประกอบกับดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการทำเกษตรกรรม ประเทศไทยจึงมีศักยภาพในการเป็นผู้ผลิต
อย่างไรก็ตามการเปิดเสรีการค้าอาเซียนในปี 2558 นี้ เกษตรกรไทยจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากอาชีพเกษตรกรรมคืออาชีพหลักของผู้คนส่วนใหญ่ในอาเซียน ดังนั้นภาคเกษตรกรรมจะเกิดการแข่งขันรุนแรงในเรื่องของราคา และต้นทุนการผลิตที่ต้องถูกลง ดังนั้นหากเกษตรกรไทยยังคงต้องพึ่งพาสารเคมี มีแนวโน้มว่าจะไม่มีตลาดรองรับสินค้าปนเปื้อนเหล่านี้ ทางออกเกษตรกรไทยทางหนึ่งคือการลดต้นทุนการผลิต และผลิตสินค้าเกษตรทีมีคุณภาพและมีมาตรฐาน โดยการหันมาผลิตสินค้าในระบบปลอดภัยจากสารพิษ ให้ได้ระดับมาตรฐาน GAP หรือหากเกษตรกรมีความพร้อมและมีศักยภาพให้ทำการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน ทั้งมาตรฐานระดับท้องถิ่น ระดับประเทศและระดับสากล และควรเน้นการผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาดหรือลูกค้า คือเป็นอาหารปลอดภัย อาหารในระบบเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรธรรมชาติ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร ทั้งนี้จากความสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมพัฒนาที่ดิน จึงได้กำหนดจัดงาน มหกรรมเกษตรอินทรีย์ วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่ประชาคมอาเซียน ขึ้น ในภาคต่างๆรวม 3 ครั้ง ได้แก่ครั้งที่ 1 วันที่ 1 มิถุนายน 2556 ณ โรงแรมตักสิลา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ครั้งที่ 2 วันที่ 8 มิถุนายน 2556 ณ โรงแรมพีซลากูนา รีสอร์ทแอนด์สปา อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และครั้งที่ 3 วันที่ 14-46 มิถุนายน 2556 ณ ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์งานด้านเกษตรอินทรีย์ ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ และตระหนักถึงความสำคัญของเกษตรอินทรีย์ที่มีต่อระบบการเกษตรของชาติ และได้ทราบถึงผลการดำเนินงานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดมา
สำหรับการจัดงานที่จังหวัดมหาสารคามในครั้งนี้นับเป็นประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไป ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการใช้สารอินทรีย์ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อนําผลการดําเนินงานด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์องค์กรภาครัฐเอกชน เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรและเครือข่ายการทําเกษตรอินทรีย์ประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะอย่างกว้างขวางเข้าถึงทุกภาคส่วน สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ผลิตเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ผ่านกิจกรรมการรณรงค์ และการประชาสัมพันธ์ รวมถึงให้มีการพบกันระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภคและผู้ประกอบการสินค้าเกษตร อินทรีย์ รวมทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อขยายเครือข่ายและสร้างช่องทางการตลาดใหม่ให้เกิดมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และที่สำคัญเพื่อก่อให้เกิดแนวคิดในการพึ่งพาตนเองและการก้าวสู่เวทีการแข่งขันในประชาคมอาเซียน
กิจกรรมภายในงานจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกษตรอินทรีย์สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การจัดประชุมวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถ่ายทอดผลงานวิชาการพัฒนาที่ดินและผลงานทางการเกษตรอบรม สาธิต ผึกปฏิบัติการทำเกษตร และส่งเสริมอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การจำน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าแปรรูปที่มีคุณภาพปลอดภัย อาทิ ข้าว พืชผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากผ้าฟอกย้อมสีธรรมชาติและอื่นๆ รวมทั้งกิจกรรมบันเทิง การจัดงานครั้งนี้มุ่งแสดงให้เห็นว่า การทำเกษตรอินทรีย์เป็นแนวทางที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองนำไปสู่วิถีชีวิตแบบพอเพียง สร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นฐานการผลิตพืชและสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและมั่นคงของประเทศ