นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.50% จากเดิมที่ 2.75% อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลตั้งแต่อายุ 1 ปี ขึ้นไปในตลาดกลับมีการปรับตัวขึ้น 1—16 bps เนื่องจากนักลงทุนในตลาดโดยรวมได้คาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ อัตราผลแทนของพันธบัตรจึงได้มีการปรับลดลงไปรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจึงมีแรงขายพันธบัตรออกมาเพื่อเป็นการทำกำไร โดยมีแรงขายออกมาทั้งจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น
แต่สำหรับตราสารเงินในตลาด ทั้งเงินฝากและตั๋วแลกเงินภาคเอกชนมีการปรับลดผลตอบแทนลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ ตลาดกำลังรอปัจจัยต่าง ๆ ให้มีความชัดเจนขึ้นทั้งในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลก และความชัดเจนของมาตรการเกี่ยวกับการดูแลค่าเงิน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าตลาดตราสารหนี้จะยังคงมีความผันผวนระหว่างทาง ดังนั้น สำหรับผู้นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงของอัตราผลตอบแทนที่ผันผวน ขอแนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่กำหนดผลตอบแทนที่แน่นอน
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 5 มิถุนายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงิน และเงินฝาก ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.75% ต่อปี*