นายสุขวัฒน์ เปิดเผยว่า กิจกรรม “Club อาสามะหมารอรัก” เกิดขึ้นจากการที่เจอร์ไฮได้เล็งเห็นถึงความพยายามของคุณเอ็ม หรือโก๋เอ็ม บุดดร้าเบรส ในการช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดโดยร่วมกับโครงการเพื่อนข้างถนน และโครงการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยทุนตัวเอง ขณะที่เจอร์ไฮ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากความรักสุนัขเป็นพื้นฐาน นอกเหนือไปจากการใช้วัตถุดิบจากเนื้อไก่ล้วนๆ มาผลิตแล้ว ยังใส่ความรักความเข้าใจในตัวสุนัขดังสโลแกนที่ว่า “Feed me with love” ลงไปด้วย การสนับสนุนกิจกรรม “Club อาสามะหมารอรัก” จึงเป็นการแสดงความรักกับน้องสุนัขอีกทางหนึ่งที่เจอร์ไฮภาคภูมิใจ
“กิจกรรมการกุศลเพื่อสุนัขและแมวจรจัด (Charity Dogs) ร่วมเติมรักปันน้ำใจ ภายใต้ชื่อ “ Club อาสา มะหมารอรัก” ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ของคุณเอ็ม ที่ดำเนินการเพื่อหารายได้ช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัด เพื่อใช้เป็นงบประมาณสำหรับดูแลเรื่องการทำหมัน ค่ายา และค่ารักษาพยาบาล โดยเจอร์ไฮได้ระดมทุนในการจัดกิจกรรมนี้เป็นจำนวนเงินกว่า 600,000 บาท แบ่งเป็นเงินสนับสนุนด้านการจัดกิจกรรม จำนวนกว่า 400,000 บาท สนับสุนนสินค้าในกิจกรรมสอยดาว 80,000 บาท และจัดสรรเป็นเงินบริจาคสมทบทุนเข้าโครงการอีกจำนวนกว่า 100,000 บาท” นายสุขวัฒน์ กล่าวและว่า
นอกเหนือจากเจอร์ไฮแล้ว ยังมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่มีจิตอาสาร่วมกันสนับสนุนและจัดกิจกรรมโดยเฉพาะกิจกรรมไฮไลน์ อย่างสอยดาวถอนขนน้องรอรัก (หมายักษ์สูง 4 เมตร) เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผ่านกลุ่ม Goh - M Family ที่นำโดยคุณกิตติพงษ์ คำสาตร์ โก๋เอ็ม แห่งวงบุดดาเบลส ประกอบด้วยเจ้าของผลิตภัณฑ์ Art Venture ,SOS Animal Thailand ,The Voice , เพื่อนข้างถนน ,Stop Dog Meat Trade , Animal Activist Alliance (AAA)Thailand และ Pet Salon & Spa
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเจอร์ไฮได้ดำเนินนโยบายสนับสนุนกิจกรรม CSR ของทุกกลุ่มที่ทำความดีให้กับสุนัขด้อยโอกาส เพื่อคืนกำไรให้กับสังคม อาทิ โครงการจัดทำ DVD ชุดสารคดีครอบครัวคุณทองแดง โดยมอบเป็นเงินบริจาค จำนวนรวม 15 ล้านบาท และโครงการ แป๊ะฮวยช่วยเพื่อน เพื่อระดมทุนเข้าโครงการส่วนพระองค์ในสมเด็จพระเทพฯ เพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์ จำนวนเงินรวม 1,700,000 บาท ส่งผลให้ได้รับรางวัล CSR-DIW ถึง 2 ปีซ้อนติดต่อกัน (ปี 2554 และ 2555)
สำหรับ อาหารสุนัข (Dog food) ในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมที่ 8,800 ล้านบาท โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่ม Dog Treats หรือขนมน้องสุนัข กลุ่ม Dry dog Food หรืออาหารแห้งและอาหารแบบเม็ด และกลุ่ม Wet dog Food หรืออาหารเปียก โดยเจอร์ไฮได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Dog Treats หรือขนมน้องสุนัขเป็นหลัก เช่น Stick , Carrot, Milky Bacon รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เสริมด้านสุขภาพ(Healthy) ด้วยยอดขายเป็นอันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 34% จากมูลค่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,750 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 30 % ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตรวมของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศที่เติบโตเฉลี่ยเพียงแค่ 15% ต่อปี
ผลิตภัณฑ์เจอร์ไฮ จัดจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ด้วยสัดส่วน 50:50 โดยในส่วนของตลาดในประเทศจำหน่ายผ่านช่องทาง Traditional Trade ทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 70% ที่เหลืออีก 30% ผ่านทาง Modern trade ทั้ง Hyper market , Convenience Store , Super Market และช่องทาง Vet หรือ โรงพยาบาลสัตว์ต่าง ๆ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันเจอร์ไฮมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายถึง 17 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อย่าง Wal-Mart ,Wool-Worth, Coles, K-Mart, Cold Storage และ Park’N Shop โดยประเทศที่มีปริมาณการส่งออกมากที่สุด คือออสเตรเลีย ทั้งนี้ ด้วยเจอร์ไฮเป็น 1 ใน 2 โรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากลให้สามารถส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลียได้
นายสุขวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตที่ปริมาณมากกว่า 4,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC) ที่จะมีปริมาณสุนัขเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.7 ล้านตัว เป็น 35 ล้านตัว กับทั้งเพื่อเป็นฐานในการมุ่งเน้นขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วทั้งทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีอัตราการเติบโตสูง โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าสูงถึงกว่า 230,000 ล้านบาท ขณะที่ ปีนี้ (2556) เจอร์ไฮจะมุ่งเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพสุนัข (Healthy) เป็นหลัก เพื่อส่งเสริมให้น้องสุนัขมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดปี