นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง แรงงานขาดแคลนและมีต้นทุนสูง การขยายตัวของชุมชนเมือง (Urbanization) และการเข้าร่วมเป็นส่วนหนี่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะเป็นสภาพแวดล้อมที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องเร่งปรับตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าช่วย และเมื่อประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการลงทุนพัฒนาทั้งจากภาครัฐและเอกชน ธุรกรรมทางการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จะมีความหลากหลาย และตอบสนองรูปแบบต่างๆ ทางธุรกิจได้กว้างขึ้น
ทั้งนี้ การพัฒนาช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยในการบริหารจัดการที่รวดเร็วทันที (Real Time) การเพิ่มประสิทธิภาพหรือลดขั้นตอน และโอกาสในการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น ดังเช่น โครงการ The Ring ที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมมือกับ ปตท. เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่จะต้องการควบคุมรายจ่ายค่าน้ำมันได้อย่างเป็นระบบ โดยธุรกรรมจะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น เมื่อผนวกกับนวัตกรรมทางการเงิน Value Chain Solutions ที่ธนาคารฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของห่วงโซ่ธุรกิจสะท้อนแนวคิดหรือกลยุทธ์ของการเชื่อมโยงธุรกรรมทางการเงินหรือ Transactional Banking Solutions เพื่อตอบสนองมากกว่าเป็นเพียงหนึ่งในช่องทางการรับหรือจ่ายเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และด้วยศักยภาพของเครือข่าย และฐานลูกค้าที่มีมากทั้งลูกค้าบุคคลและบริษัท ประกอบกับความเข้าใจของทีมงานในแต่ละอุตสาหกรรม ธนาคารฯ เชื่อมั่นว่าสามารถเป็นผู้นำการหาคำตอบอย่างเหมาะสมได้
นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านธุรกรรมทางการเงิน จะช่วยให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้นำด้านการเป็นธนาคารหลักได้ โดยได้ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมจากกลยุทธ์ดังกล่าวเติบโต 20% สำหรับผลประกอบการของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทในไตรมาส 1 ปี 2556 มียอดสินเชื่อคงค้าง 426,000 ล้านบาท เติบโต 2% จากสิ้นปีที่แล้ว และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดสินเชื่อคงค้างเติบโตประมาณ 4 -6%