นายสุปรี กล่าวอีกว่า นักเรียนในโรงเรียนที่ร่วมโครงการฯ จะได้รับประทานไข่ไก่ที่พวกเขาเป็นผู้ดูแลด้วยตนเอง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ในขณะที่แม่ไก่ไข่จะออกไข่ทุกวัน ดังนั้น ทำให้มีผลผลิตเหลือประมาณร้อยละ 40 เพื่อจำหน่ายให้กับคนในชุมชน เกิดเป็นรายได้กลับเข้าโครงการนำไปจัดสรรเป็นค่าอาหารกลางวันแก่นักเรียน และมีรายได้สะสมจากการเลี้ยงในแต่ละรุ่นกลายเป็นกองทุนสำหรับดำเนินการโครงการต่อไปอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ดำเนินการแล้วใน 420 โรงเรียน ช่วยให้เด็กนักเรียนกว่า 84,000 คน พ้นจากภาวะทุพโภชนาการจากการได้รับโปรตีนและสารอาหารจำเป็นจากไข่ไก่ โครงการนี้เป็นที่ยอมรับว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาภาวะโภชนาการของเด็กไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีหลายหน่วยงานขอเข้าร่วมเจตนารมณ์กับมูลนิธิฯและซีพีเอฟ อาทิ สโมสรโรตารี หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) โดยในปี 2556 นี้ มูลนิธิฯและซีพีเอฟ ตั้งเป้าขยายการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรียนอีก 80 แห่ง คาดว่าแบ่งเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 8 แห่ง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 68 แห่ง และอีก 4 แห่งเป็นโรงเรียนสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯครบ 500 แห่งภายในปีนี้ และยังคงขยายโครงการต่อไป
“สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน สามารถติดต่อขอข้อมูลรายละเอียดโครงการได้ที่ มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบทฯ 313 อาคารซีพีทาวเวอร์ ชั้น 25 ถนนสีลม โทรศัพท์ 02-698-2727 โทรสาร 02-638-2716 หรือดาวน์โหลดเอกสารการรับสมัคร หลักเกณฑ์ และหลักการ ที่เว็บไซต์ www.rurallives.org”./