นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC เปิดเผยถึงแนวโน้มทางธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่า คาดว่าผลการดำเนินงานจะขยายตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ ของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ผนวกกับความต้องการรถยนต์ในทุกรุ่นที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เห็นได้จากคำสั่งซื้อเครื่องจักรทั้งจากโรงงานในประเทศและต่างประเทศที่ TMC ผลิต ตลอดถึงยังมีงานในมือค้างส่ง ณ สิ้นไตรมาส 1 กว่า 348 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายการเติบรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,002 ล้านบาท
“ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนได้จากผลประกอบการ TMC ช่วงไตรมาส 1/56 ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถือเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 16.13 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 215.88 เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจาก 141.14 ล้านบาท เป็น 167.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.96 ผลจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของผู้บริหารและพนักงาน TMC เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าอย่างดีที่สุด เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกันตลอดไป”
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีจุดเด่นจากทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจด้านดังกล่าวเป็นเวลานาน รวมถึงทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการตลาด อุตสาหกรรมการผลิต และด้านอื่นๆ ด้วยแบรนด์ที่เป็นของตนเอง ทำให้มีความสามารถเหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะด้านราคาและการบริการ ตลอดถึงความยืดหยุ่นในการผลิตค่อนข้างสูง มีโปรแกรมสำเร็จรูปทางด้านวิศวกรรมและบริหารการจัดการทรัพยากร (ERP) ที่ใช้ติดตามและควบคุมกระบวนการทำงานและต้นทุน และจุดแข็งด้านการเงิน และที่ผ่านมาได้ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มีภาระด้านดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น
“นอกจากนี้ TMC ยังได้วางกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายฐานสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ รวมถึงรองรับโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปี 2558 ซึ่งจะช่วยขยายฐานด้านการตลาดและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น”
เขากล่าวด้วยว่า บริษัทจะมุ่งเน้นจุดแข็งและศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ เพื่อรองรับภาวการณ์ดังกล่าว สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นมูลค่าเพิ่ม (Value-Added) ให้กับลูกค้า อาทิ ธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading), ระบบป้อนงานอัตโนมัติ (Automation), การบริการ และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Service and Preventive Maintenance) รวมถึงแผนงานในการเข้าสู่ตลาดอาเซียน (Road to Asian Project) เพื่อสอดรับกับวิสัยทัศน์บริษัทในการมุ่งสู่การเป็น World Class Manufacturing ที่มุ่งเน้นการเป็นผู้นำการสร้างนวัตกรรมด้านการออกแบบและผลิตเครื่องจักร เครื่องทุ่นแรง ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ภายใต้การผสานทุนทางปัญญาและเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างกลมกลืน นำมาซึ่งคุณค่าที่ลูกค้าต้องการด้วยมาตรฐานระดับสากล