นายณรงค์ เปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายส่งเสริมและดำเนินกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลูกป่าชายเลนซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2536 เริ่มจากภายในองค์กรก่อน ด้วยการนำทีมผู้บริหารและพนักงานดำเนินการเพิ่มผืนป่าด้วยตนเอง เมื่อซีพีเอฟเริ่มหลายๆ องค์กรก็ให้ความสนใจและขอเข้าร่วมกิจกรรม โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของกิจกรรมและเกิดผืนป่าที่สมบูรณ์บนพื้นที่เดียวกัน จึงเกิดเป็นโครงการ “ซีพีเอฟชวนคนไทยปลูกป่าชายเลน”
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2536 จนถึงสิ้นปี 2555 ที่ผ่านมา พบว่าซีพีเอฟสามารถเพิ่มปริมาณต้นไม้ชายเลนได้มากกว่า 270,000 ต้น ช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมและตระหนักถึงคุณค่าของป่าชายเลนแก่คนไทยในวงกว้าง ที่สำคัญ การดำเนินกิจกรรมจะเน้นความยั่งยืนภายใต้ความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของทั้งบุคลากรของซีพีเอฟ ชุมชน และนักศึกษาจากหลายสถาบันที่ร่วมโครงการ ที่สำคัญคือการกลับไปดูแลผืนป่าให้เติบโต ด้วยการปลูกซ้ำหากมีต้นไม้เสียหาย รวมถึงการขูดเพรียงซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะยับยั้งการเจริญเติบโตของไม้ชายเลน และการดูแลอื่นๆ ทำให้ต้นไม้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เช่นที่ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า มีอัตรารอดของกล้าไม้ถึงร้อยละ 90-95
“เชื่อว่าการให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นการผลักดันให้เกิดผืนป่าที่สมบูรณ์เพื่อประโยชน์ที่จะมีต่อชุมชนต่อไป และบริษัทตั้งใจให้กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เพื่อร่วมสร้างจิตสำนึกคนทั้งประเทศให้รู้จักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จึงขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้”
สำหรับในปี 2556 นี้ โครงการซีพีเอฟชวนคนไทยปลูกป่าชายเลน มีแนวการดำเนินกิจกรรมตลอดทั้งปี โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์ เกษตรศาสตร์ และรามคำแหง ตลอดจนชาวซีพีเอฟที่ลงพื้นที่ปลูกป่าชายเลนในบริเวณชุมชนใกล้เคียงกับฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้ง โรงงานอาหารสัตว์ และโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำของบริษัท โดยดึงศักยภาพชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกระดับพร้อมปลูกจิตสำนึกรักษ์ป่าชุมชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง