องค์กรพัฒนาเอกชนกระตุ้นเกษตรกรภาคเหนือเตรียมรับมือโลกร้อน หวั่นผลเสียต่อพืชเมืองหนาวมากกว่าผลดี

พุธ ๑๙ มิถุนายน ๒๐๑๓ ๑๗:๐๒
องค์การพัฒนาเอกชนและหน่วยงานเกษตรอินทรีย์แสดงความเป็นห่วงถึงผลกระทบโลกร้อนที่มีต่อผลผลิตพืชเมืองหนาวในภาคเหนือโดยเฉพาะกาแฟและลำไยซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก เตือนเกษตรกรยังมีความเข้าใจและตื่นตัวในเรื่องนี้ต่ำ ซึ่งอาจทำให้การปรับตัวช้าเกินแก้

สืบเนื่องมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้คุณภาพและผลผลิตของพืชเศรษฐกิจหลักๆ ของภาคเหนือ อาทิเช่น ลำไย ลิ้นจี่ กาแฟ รวมถึงข้าวซึ่งเกษตรกรปลูกไว้บริโภคเองลดลง องค์การอ็อกแฟม (Oxfam) มูลนิธิสายใยแผ่นดิน (Earth Net Foundation — ENF) มูลนิธินโยบายสุขภาวะ และศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (CCKM) คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป จึงได้จัดงาน “ร้อน ลม ฝน — การปรับตัวของเกษตรกรภาคเหนือกับภาวะโลกร้อน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ของเกษตรกรและหน่วยงานต่างๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2556

โดยงานนี้มีผู้เข้าร่วมเกือบ 100 คนจากเกษตรกรผู้ปลูกไม้ผล หน่วยงานราชการและองค์กรพัฒนาเอกชนทั้งในจังหวัดและต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง อาทิ เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัด สถานีอุตุนิยมวิทยาเชียงใหม่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานวิชาการและมหาวิทยาลัยต่างๆ

นางสาวสุนทรี แรงกุศล ผู้อำนวยการอ็อกแฟมประเทศไทยกล่าวว่า การปรับตัวต่อโลกร้อนเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนมาก ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานกับชาวนาในภาคอีสาน พบว่าการปรับตัวที่ถูกต้องช่วยลดผลกระทบโลกร้อนได้ “เราพบว่าเกษตรกรทุกครัวเรือนที่เข้าโครงการมีผลผลิตที่เสียหายน้อยกว่าเกษตรกรทั่วไป แม้แต่ในปีที่ภัยพิบัติหนักที่สุดไม่ว่าจะภัยแล้งหรือน้ำท่วม ครอบครัวที่ทำการปรับตัวก็ยังมีผลผลิตที่เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือนแม้ไม่มีเหลือขายเหมือนปีปกติ”

ผลการศีกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถิติจากกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าภาคเหนือมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดและต่ำสุดเพิ่มขึ้น เช่น อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในช่วงเดือนเมษายนปี ค.ศ. 1970 — 2000 ของจังหวัดชียงใหม่คือ 37 องศาเซลเซียส แต่ในช่วง10 ปีที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 39.5 องศาเซลเซียส และแม้ปริมาณฝนเฉลี่ยรายปีจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก การกระจายตัวของฝนกลับลดลงอย่างมาก โดยเห็นได้จากที่ฝนจะตกหนักและแรงบางจุดช่วงสั้นๆ แล้วขาดช่วงไปนานกว่าจะกลับมาอีกในลักษณะเดิม

นางสาววราทิพย์ วีรกิจ เจ้าหน้าที่ประสานงานภาคสนามของมูลนิธิสายใยแผ่นดิน ยกตัวอย่างผลสรุปล่าสุดของคณะทำงานประมาณการผลผลิตผลไม้เศรษฐกิจภาคเหนือว่าปริมาณผลผลิตลิ้นจี่และลำไยในปี 2556 จะลดลงเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนและไม่เอื้อต่อการติดดอก และเกิดผลที่ได้คุณภาพนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจเลยเพราะพืชในภาคเหนือเป็นพืชเมืองหนาว แต่ไม่เหมือนประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกาซึ่งอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทำให้อากาศอบอุ่นกระตุ้นการเติบโตของพืช แต่ที่นี่จะกลายเป็นร้อนมากขึ้นแทนหรือไม่ก็น้ำฝนมากเกินไป ส่งผลเสียมากกว่าผลดีทั้งต่อพืช คน และสัตว์

“พืขเศรษฐกิจเมืองเหนือนั้น โดยธรรมชาติต้องการอุณหภูมิต่ำเพื่อการออกดอก เกษตรกรต้องตื่นตัวมากกว่านี้ เพราะสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้เราต้องมีการวางแผนการปลูกที่รัดกุมมากขึ้น การเรียนรู้สภาพอากาศต้องลึกขึ้น การตรวจสอบต้องบ่อยขึ้นและมีการวิเคราะห์เปรียบเทียบมากขึ้น” นางสาววราทิพย์กล่าว

โดยในงานนี้ องค์การอ็อกแฟม มูลนิธิสายใยแผ่นดิน มูลนิธินโยบายสุขภาวะ และ CCKM ได้เปิดตัวศูนย์พยากรณ์อากาศชุมชนที่ ต. แม่ทา จ. เชียงใหม่ด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ศูนย์ที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้โครงการนำร่องเพื่อพัฒนาต้นแบบการปรับตัวชุมชนต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก โดยจังหวัดยโสธรเป็นพื้นที่แรกที่มีการเปิดศูนย์พยากรณ์แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

“นอกจากการจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่ เช่น ชลประทานขนาดเล็ก เพราะพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ยังอาศัยน้ำฝนอย่างเดียว การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านการพยากรณ์อากาศเป็นสิ่งจำเป็นมากเพราะสถานการณ์โลกร้อนรุนแรงขึ้นทุกปี ส่งผลให้ปัญหาการจัดการน้ำและวิกฤติน้ำรุนแรงตามไปด้วย เราจะมีน้ำไม่พอต่อการปลูกพืชเหล่านี้อย่างแน่นอน สภาวะโลกร้อนยังทำให้มีความเสี่ยงที่โรคและแมลงศัตรูพืชจะกลับมาหรือระบาดหนักกว่าเดิมด้วย“ นางสาวสุนทรีกล่าว

ความแตกต่างระหว่างศูนย์พยากรณ์อากาศชุมชนแห่งนี้กับสถานีพยากรณ์อากาศทั่วไปคือ ความละเอียดและขอบเขตการพยากรณ์ เนื่องจากเป็นศูนย์พยากรณ์อากาศที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลในตำบลเฉพาะเจาะจง จึงมีความแม่นยำสูงกว่า ภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาที่ง่ายต่อการเข้าใจ เกษตรกรสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยข้อมูลพยากรณ์จะครอบคลุมระยะเวลา 1 เดือน และ 1 สัปดาห์ล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนระยะสั้น และระยะกลาง ได้

“หลังจากทำการทดลองอยู่ถึงเกือบสองปีที่ยโสธร อัตราความแม่นยำของข้อมูลพยากรณ์ตอนนี้มีมากถึงร้อยละ 90 ในเชียงใหม่ขบวนการพัฒนาการพยากรณ์เพิ่งจะเริ่มต้นและยังต้องมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการและสถานการณ์ของเกษตรกรในเชียงใหม่ เบื้องต้นเราคาดการณ์ว่าจะมีเกษตรกรประมาณ 110,000 คนที่ได้รับประโยชน์จากศูนย์นี้ เราหวังว่าสิ่งนี้จะเป็นก้าวแรกของการนำเอาข้อมูลพยากรณ์มาใช้ประโยชน์ในเทางเกษตรในเชิงลึกมากขึ้น” นางสาววราทิพย์กล่าว

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ

เอื้อมดาว น้อยกร ผู้ประสานสื่อ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก โทร: 02-632 0033

จารุรินทร์ พลหินกอง เจ้าหน้าที่โครงการ โทร: 02-632-0033 ต่อ 106

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version