นายฉัตรชัย พรหมเลิศอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปี พ.ศ.2553 ต่อเนื่องเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เสนอให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่รัฐบาลไทยผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในกรอบวงเงิน10 ล้านหยวน (50 ล้านบาท) รัฐบาลไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะหน่วยงานกลางของรัฐด้านการดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ เป็นหน่วยรับผิดชอบประสานดำเนินการ ซึ่ง ปภ. ได้แจ้งขอรับการสนับสนุนรถขุดไฮดรอลิก เพื่อนำมาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สนับสนุนรถขุดไฮดรอลิก จำนวน 6 คัน ให้แก่ประเทศไทย ดังนั้น เพื่อแสดงความขอบคุณและ เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้จัดพิธีลงนามเอกสารรับมอบรถขุดไฮดรอลิกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี ฯพณ ฯ กว่าน มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในการลงนามเอกสารและส่งมอบรถขุดไฮดรอลิกทั้งนี้ ปภ. ได้ส่งมอบรถขุดไฮดรอลิก จำนวน 6 คัน ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 ศูนย์เขตที่ประจำอยู่ในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ (ศูนย์ ปภ.เขต 10 ลำปาง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ศูนย์ ปภ. เขต 5 นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 7สกลนคร) ภาคกลาง (ศูนย์ ปภ.เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์) และภาคใต้ (ศูนย์ ปภ. เขต 12 สงขลา) สำหรับใช้ในการปฏิบัติภารกิจด้านการเตรียมการป้องกันภัย สนับสนุนการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งนี้ ความช่วยเหลือของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ ที่นำไปสู่การเชื่อมโยงการบริหารจัดการภัยพิบัติระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศไทย ที่ครอบคลุมในทุกมิติ
ฯพณ ฯ กว่าน มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ว่า นอกจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนจะสนับสนุนรถขุดไฮดรอลิกจำนวน 6 คัน ให้ประเทศไทย ใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้ว ยังได้สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้กับบุคลากรกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอีกด้วย ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือในการประสานการบริหารจัดการภัยพิบัติระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน