เข้าฉาย 4 กรกฎาคม 2556
ผู้สร้างและจัดจำหน่าย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
บริษัทดำเนินงานสร้าง บริษัท ฟุ๊คดุ๊ค โปรดักชั่น จำกัด
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมการสร้าง หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา / เจตธำรงค์ เศรษฐี
คุณากร เศรษฐี / ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล
ดำเนินการสร้าง พรสุวีณ์ พันธุ์พงศ์พิพัฒน์ / พลอยพิชชา พิภพวรไชย
กำกับภาพยนตร์ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล
กำกับภาพ เจตธำรงค์ เศรษฐี / พนม พรมชาติ / สตานิสลาฟ ดอร์สิก
บทภาพยนตร์ เจตธำรงค์ เศรษฐี
ออกแบบงานสร้าง พงศ์นรินทร์ จงห่อกลาง
กำกับศิลป์ อิทธิพล ทัณหะธร
ลำดับภาพ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล / วัฒนชัย ดุลยโกวิทย์ / วรพงศ์ จารุรัตนา
ฟิล์มแลบส์ บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด
บันทึกเสียง และออกแบบเสียง ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา
ออกแบบเครื่องแต่งกาย นุ่มฤดี คำยา
ดนตรีประกอบ โมโนโทน มิวสิค โปรดักชั่น
นำแสดงโดย สมชาย เข็มกลัด / คริสตัล วี / โน้ต เชิญยิ้ม
ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ / ชลัฏ ณ สงขลา
รายละเอียดคดี
เกิดเหตุฆาตกรรมสยอง เหยื่อเป็นลูกสาวของรัฐมนตรีท่านหนึ่ง นายตำรวจทั้งกรมต่างถูกกดดันให้รีบตามจับตัวฆาตกรมาโดยเร็วภายในระยะเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น พ.ต.ท.วสันต์ (รับบทโดย สมชาย เข็มกลัด) นายตำรวจที่กำลังถูกคณะกรรมการสอบสวน ในข้อกล่าวหาผิดวินัยขั้นร้ายแรง กลับถูกเรียกตัวมาให้รับผิดชอบคดีนี้ โดยวสันต์เป็นนายตำรวจที่มากด้วยความสามารถ และขึ้นชื่อเกี่ยวกับเรื่องสืบสวนนอกรูปแบบ เขาจะทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งยอมฉีกกฎหมายเองเพื่อ ให้ได้ตัวมาซึ่งฆาตกรที่เขาตามล่า โดยมี จ่าทอง (รับบทโดย โน้ต เชิญยิ้ม) นายตำรวจสูงอายุลูกน้องคนสนิทที่รู้ใจและคอยช่วยงานอย่างเต็มกำลัง
จนเมื่อ พล.ต.ต.ประพันธ์ (รับบทโดย ชลัฏ ณ สงขลา) ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ถูกชะตากับวสันต์ พยายามจะหาวิธีจัดการและสั่งปลดเขาอยู่ตลอดนั้น ได้ส่งตัว ร.ต.ต.หญิง นลิน (รับบทโดย คริสตัล วี) ที่มีความสามารถในการสืบสวนคดีด้วยวิธีตรงกันข้ามกับวสันต์อย่างสิ้นเชิง เข้าร่วมในทีมเพื่อปิดคดีครั้งนี้ ซึ่งระหว่างที่คดีกำลังจะคลี่คลาย วสันต์เองเกิดมีปัญหาทะเลาะกับ มลทิวา (รับบทโดย ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) ผู้เป็นภรรยาอย่างรุนแรง และจู่ๆเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อฆาตกรกลับเลือกพุ่งเป้ามาที่วสันต์ จ้องโจมตีผู้คนรอบข้าง และทำลายทุกสิ่งที่เขามี วสันต์จะทำอย่างไร เพราะคดีที่เขาตามล่าอยู่นั้น กลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวกำลังรอเขาอยู่ อดีต ความลับ กำลังจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาอีกครั้ง วสันต์จะต่อสู้กับปมอดีต และเปิดโปงความอำมหิตนี้ได้หรือไม่…แท้จริงแล้วฆาตกรตัวจริงเป็นใครกันแน่…แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นเหยื่อ ยิ่งทำให้วสันต์ต้องทำทุกวิธีทางเพื่อตามล่าตัวฆาตกร แม้จะต้องเดิมพันด้วยชีวิตเขาเอง
จุดเกิดเหตุ
“ตั้งแต่นั้นผมจึงคิดว่าผมจะทำหนัง ซึ่งตอนนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นป.1
แต่ผมรู้สึกได้ว่าภาพยนตร์มันมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้
มันมีพลังมากในการสร้างความเชื่อให้กับคน”
ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม เกิดและโตมาในกองถ่ายภาพยนตร์ของท่านพ่อ(มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล-ท่านมุ้ย) ประสบการณ์ด้านงานภาพยนตร์นับว่าได้สัมผัสคลุกคลี และผ่านมาเกือบหมดในทุกตำแหน่งตั้งแต่ เสิร์ฟน้ำกอง ช่างไฟ ถือไมค์บูม ผู้ช่วยกล้อง เด็กพรอพ ตัดต่อ ทำCG ฯลฯ โดยตั้งแต่วันแรกที่รู้ตัวว่าอยากทำภาพยนตร์ จึงเริ่มศึกษามาเรื่อยๆ เริ่มจากงานภาพถ่าย เขียนหนังสือ ฝึกเล่าเรื่อง ทำงานด้านโฆษณา เจาะลึกไปถึงผู้คน วัฒนธรรม การใช้ชีวิตต่างๆ เป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาอย่างเต็มเปี่ยม และพร้อมจะทำตามความฝัน คือ การกำกับภาพยนตร์ โดยคุณชายอดัมเล่าถึงที่มาของการก้าวสู่เก้าอี้ผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า
“ผมเกิดและโตมาในกองถ่ายของท่านพ่อครับ ได้เห็นการทำงานของทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ตั้งแต่ต้น เห็นความลำบากเหน็ดเหนื่อย ความทรหด บอกได้เลยว่าไม่ได้มีความคิดว่าอยากทำหนังเลย จนวันนึงภาพยนตร์เรื่อง เสียดาย ของท่านพ่อเข้าฉาย และมีโทรศัพท์โทรเข้าหาท่านพ่อ ผมเป็นคนรับสาย และตอนนั้นท่านพ่อไม่อยู่ก็บอกให้ฝากข้อความไว้ เขาฝากว่าผมเลิกยาได้แล้วครับเพราะดูหนังของท่านมุ้ยแล้ววางสายไป ตั้งแต่นั้นผมจึงคิดว่าผมจะทำหนัง ซึ่งตอนนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นป.1 แต่ผมรู้สึกได้ว่าภาพยนตร์มันมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ มันมีพลังมากในการสร้างความเชื่อให้กับคน ผมก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์มาตลอด จนในที่สุดผมก็เรียนจบด้านภาพยนตร์ เริ่มทำงานทางด้านอินเตอร์เน็ต ทีวี แม็กกาซีนออนไลน์ เน้นไปทางสื่ออิสระ จนในที่สุดผมคิดว่าผมพร้อมแล้วที่จะเริ่มสร้างภาพยนตร์ครับ จากนั้นผมก็เดินเข้ามาหาลุงเจียง(สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ค่ายสหมงคลฟิล์มฯ บอกว่าผมอยากทำหนัง ลุงเจียงอนุมัติ ผมก็เริ่มลุยตั้งแต่ตอนนั้นเลย ต้องขอขอบคุณลุงเจียงที่ให้โอกาสเด็กอย่างผมครับ”
เมื่อทุกอย่างพร้อม โปรเจ็คต์ภาพยนตร์จึงเริ่มต้น ไอเดียแรกเริ่มที่อยากจะสร้างภาพยนตร์ในสไตล์ของคุณชายอดัมคือ การสร้างภาพยนตร์ธรรมดาสักเรื่องนึง แต่ต้องสนุก มันส์ คนดู ดูกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อ ผสมกับความชื่นชอบส่วนตัวกับภาพยนตร์สไตล์ยุค 80’s-90’s ที่ปัจจุบันนี้เริ่มหาดูได้น้อยลงมากขึ้น พร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมยุคปัจจุบันนี้ถึงไม่ค่อยมีใครอยากทำภาพยนตร์แนวนี้กัน? ทำไมเราไม่ลองtribute ภาพยนตร์ในยุคที่เราโตขึ้นมาล่ะ? ด้วยคำถามที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จึงนำสู่แรงบันดาลใจของคุณชายอดัม ที่ต้องการสร้างภาพยนตร์ในช่วงยุค และ วัฒนธรรมที่ชอบ นำมาตีแพร่เป็นภาพยนตร์เรื่อง สารวัตรหมาบ้า โดยเล่าถึงไอเดียที่มาในครั้งนี้ว่า
“ส่วนตัวผมชอบเปิดดูช่อง HBO เราจะเห็นหนังประเภทหนึ่งบนโลกที่เราสนุกกับมันได้เสมอ ยกตัวอย่างเรื่อง The Expendables 2 นักแสดงเป็น Chuck Norris ที่โผล่มาแล้วยิงทุกคนตายหมดเลย อาจไม่มีใครจำชื่อหนังเขาได้สักเรื่อง แต่สิ่งที่คนดูเปิดทีวีและเห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณจะไม่ยอมเปลี่ยนช่อง คุณจะเพลินจนลืมว่า ศิลปะอยู่ตรงไหน ความเป็นตลาดมันอยู่ตรงไหนกัน ความเป็นภาพยนตร์ธรรมดานี่แหละครับ ที่คนดูจะได้รับความบันเทิง สามารถดูและเปิดซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่มีวันเบื่อ นี่แหละคือภาพยนตร์ที่ผมอยากทำมากครับ
ผมอยากสร้างหนังในยุค 80’s-90’s หนังเรื่องราวของตำรวจ และส่วนใหญ่ภาพยนตร์คอป-ดรม่าดังๆก็จะอยู่ในช่วงยุคนั้น ผมโตมากับหนังประเภทตำรวจที่เป็นฮีโร่ หลังๆบางทีตำรวจจะเริ่มกลายเป็นผู้ร้าย ผมชอบอารมณ์ที่ขับรถเท่ๆไปสืบคดี แล้วคิดอะไรก็พูดออกไป แบบเรื่อง Black Rain , Lethal Weapon หนังพวกนี้ผมดูมาตั้งแต่เด็ก แล้วพอมาในช่วงยุคนึงหนังพวกนี้กลับหายไปหมด จึงคิดว่าอยากทำหนังแนวที่เราดูแล้วมีความสุข เพราะผมมีความสุขกับหนังแนวนี้ จึงเป็นไอเดียที่มาครับ”
ผู้เกี่ยวข้องคดี
“เราแคสติ้งหานักแสดงกันเป็นร้อย ก็ยังไม่มีใครโดนใจสักคน
มีใกล้เคียงบ้าง แต่ผมเชื่อว่าเราต้องหาคนที่ใช่ที่สุด”
“สารวัตรหมาบ้า” เป็นภาพยนตร์แนว Cop-Drama ที่มุ่งเน้นเล่าเรื่องในวงการตำรวจ สอดแทรกด้วยอารมณ์ ทริลเลอร์ จัดเต็มอารมณ์ความดราม่าที่เกี่ยวกับชีวิตตำรวจ ดังนั้นการนำเสนอคาแร็คเตอร์ของตัวละครจะมีอารมณ์ความเป็นดราม่าตำรวจอยู่เยอะ ซึ่งกว่าจะคัดเลือกนักแสดงมาสวมบทบาทได้ตรงตามคาแร็คเตอร์ที่ต้องการได้นั้น จึงค่อนข้างใช้เวลานานหลายเดือน แม้จะเจอคนที่ใกล้เคียงกับคาแร็คเตอร์แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่คุณชายอดัมต้องการมากที่สุดคือ ความใช่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ใกล้เคียง จนในที่สุดก็ได้นักแสดงฝีมือคุณภาพ สวมบทนักแสดงนำได้อย่างตรงตามคาแร็คเตอร์ที่ต้องการ ได้แก่ สมชาย เข็มกลัด, คริสตัล วี, โน้ต เชิญยิ้ม, ชลัฏ ณ สงขลา และปิยธิดา มิตรธีโรจน์
คุณชายอดัมเผยถึงการคัดเลือกนักแสดงนำเพื่อสวมบทบาทท้าทาย และการจับนักแสดงพลิกคาแร็คเตอร์ บทบาทที่พวกเขายังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนโดยเล่าว่า
คุณชายอดัม “เราเริ่มหาผู้ที่จะมารับบทเป็น วสันต์ เราเลือกอยู่หลายคนเยอะมากแต่ก็ยังไม่มีใครโดนใจผมเลย จนวันนึงผมไปเล่นฟิตเนสแล้วบังเอิญเจอพี่เต๋า สมชาย แล้วผมก็นึกขึ้นมาว่าพี่เต๋ามีลูก 2 คน อายุ 39 ซึ่งทุกอย่างของพี่เต๋า ตรงกับคาแร็คเตอร์วสันต์เกือบทั้งหมดเลยครับ โผงผาง ชกก่อนถามทีหลัง(หัวเราะ) ผมคิดว่าคงไม่มีใครที่จะเหมาะและตรงกับคาแร็คเตอร์วสันต์ได้เท่าพี่เต๋าอีกแล้วครับ”
เต๋า สมชาย เล่าถึงการเตรียมตัวเพื่อมาสวมบทบาทนายตำรวจครั้งแรกในชีวิตว่า “พยายามทำการบ้านกับบท ศึกษาตัวแสดง เราพยายามทำทุกอย่างให้มันเป็น Real Action มันเป็นความรู้สึกของตำรวจคนหนึ่งที่ต้องทำงานพร้อมกับปมชีวิต นับว่าเป็นการพลิกบทบาทของผมอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผมเล่นเป็นมือปืน เล่นเป็นโจร เล่นเป็นช่างกล เล่นเป็นพระ เล่นเป็นทหารเรือ ทหารบก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เล่นเป็นตำรวจ มันก็เป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่แตกต่างจากหลายเรื่องที่เล่นมา ต้องดูเรื่องของคาแร็คเตอร์กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นในหนัง ต้องมีในเรื่องของท่าทางในการฝึก การจับปืน แอ็คชั่น การเข้าปฏิบัติงาน คือต้องศึกษาพฤติกรรมของตำรวจจริงๆ”
คุณชายอดัม “สำหรับพี่เต๋า สมชาย เขาจะรู้ว่าผมมีลูกบ้าเยอะ เขาบอกอดัมเอาเลยผมอยากลอง เอาเลยเต็มที่ เต็มเหนี่ยวกับงานมาก แล้วพี่เต๋าเป็นคนคุยง่าย ทำงานด้วยง่าย และทุกอย่างตรงตามที่ผมต้องการทั้งหมดครับ”
คุณชายอดัม “สำหรับ นลิน นางเอกเป็นสิ่งที่หายากที่สุด แถมยังเป็นตัวละครที่แบกเรื่องไว้เยอะมาก เล่นน้อยแต่ต้องแบกเรื่องทุกอย่างเอาไว้เกือบทั้งเรื่อง เป็นตัวละครที่เก็บทุกอย่างไว้ข้างในหมดเลยแต่สื่ออกทางสายตา เป็นตัวละครที่เครียดพอสมควร ต้องเล่นบทบู๊ ต้องเป็นตำรวจ ต้องแสดงได้หลายอย่างเพราะฉะนั้นตัวละคร นลิน เป็นตัวละครที่คัดยากมาก เราก็แคสติ้งหานักแสดงกันเป็นร้อย แต่ก็ยังไม่มีใครโดนใจสักคน มีใกล้เคียงบ้าง แต่ผมเชื่อว่าเราต้องหาคนที่ใช่ที่สุด จนมาเจอกับคริสตัล เขาเป็นคนที่เข้าใจหลายอย่าง มีประสบการณ์การทำงานแบบเมืองนอก สิ่งที่ผมชอบคริสตัล คือ เขามาแบบแก้วเปล่า ถามแล้วคิดแล้วต่อยอดจากที่ผมบอก ผมให้เขาทำอะไร เขาทำได้หมดทุกอย่าง”
คริสตัล วี นักแสดงสาวที่มีผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศมาแล้วหลายเรื่อง อาทิเช่น Street fighter: The legend of Chun Li, The Lazarus Paper และ The Scorpion King3 ล้วนแล้วแต่เป็นการแสดงที่ต้องมีบทบาทของการบู๊ ดังนั้นพื้นฐานด้านแอ็คชั่นจึงถือว่าสอบผ่าน แต่ คริสตัล ก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อการแสดงภาพยนตร์ไทยครั้งแรกแบบเต็มตัว โดยเล่าถึงการเตรียมความพร้อมกับบท นลิน ใน สารวัตรหมาบ้า ครั้งนี้ว่า “ก่อนหน้านี้ แสดงเรื่อง The Scorpion King3 เราต้องมีการฟันดาบ และด้วยปกติเรียนเทควันโด เรียนมวยไทยมาอยู่แล้วค่ะ คุณชายอดัมจึงไม่ค่อยห่วงตรงนี้มาก เพียงแต่การเป็นนักแสดงเราก็ควรจะมีการเวิร์คช็อป ทำความรู้จักกับคาแร็คเตอร์และปูพื้นฐานก่อน โดยช่วงแรกครูอ้อสอนการแสดง จะสอนให้อ่านภาษาไทยก่อน การพูด การเน้นคำ การขยับกล้ามเนื้อปาก ซึ่งเวลาอ่านภาษาไทยจะให้กัดตะเกียบ เพราะเราพูดอังกฤษ เราจะขยับต่างจากเวลาพูดภาษาไทย จะช่วยทำให้แข็งแรงขึ้นค่ะ และมีไปเรียนยิงปืนเพิ่มค่ะ เพราะต้องจับปืนเหมือนเราเป็นตำรวจที่เคยใช้ปืนมาก่อน โดยคุณชายอดัมบอกว่าให้ไปเรียนยิงปืนมาด้วย และเราต้องเอาเป้ายิงมาให้คุณชายอดัมดูด้วยนะ สนุกดีค่ะ”
คุณชายอดัม “ตอนผมบอกว่า ผมเลือกเขาเล่นหนังนะ เขาก็มุ่งมั่นตั้งใจหยุดงานอื่นหมด เพื่อมาเล่นหนังเรื่องนี้ เขาพยายามทำการบ้านกับตัวละครนลินออกมาให้ได้ เวลาที่เขาไม่เข้าใจเขาก็จะถามทันที เขาทำงานหนักมาก ขยันซ้อม ขยันตั้งคำถาม ทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด
คุณชายอดัม “มาถึงตัวละคร จ่าทอง ผมต้องการนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ด้วยการเล่นสายตา ดราม่า ผิวไม่ต้องขาว รูปร่างสมบูรณ์ เปรียบเหมือนชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ เก๋าเกมโดยไม่ต้องพูด มีความโดดเด่น ซึ่งผมแคสฯเยอะมากเป็นร้อยๆคนเลย จนวันนึงผมนั่งเปิดเน็ต แล้วเจอป๋าโน้ต ไม่ใช่รูปเล่นตลก แต่เป็นรูปตอนป๋ากำกับหนัง ผมก็เริ่มเข้าไปอ่านประวัติ ป๋ามีประสบการณ์ทำงานสูงมาก เป็นผู้กำกับหนังมาแล้วถึง 6 เรื่อง และยังสอนให้ลูกได้เป็นผู้กำกับอีกด้วย ขึ้นแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ เป็นนักแสดงตลกมากว่า 30 ปี ประสบการณ์ต่างๆเยอะมาก ผมคิดว่าป๋าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ผมจึงโทรหาป๋ารบกวนพิจารณาบทผมหน่อย วันต่อมาป๋าโทรกลับและตอบตกลงรับแสดงครับ พร้อมกับเทคิวให้หมดเลยครับ”
โน้ต เชิญยิ้ม เล่าถึงการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิตว่า “ผมห่างภาพยนตร์ไปนาน อาจจะด้วยเพราะเบื่อกับบทเดิมๆ จนเมื่อบังเอิญได้คุยกับคุณชายอดัม และส่งบทมาให้อ่าน ซึ่งเขาเลือกตัวนักแสดงที่จะเล่นเป็นจ่าทองมาหลายคนมาก จนเขาเลือกผมรู้สึกดีใจมากครับ ผมคิดว่าถ้าไม่ได้เล่นบทนี้ ชาตินี้ทั้งชาติที่อยู่ในวงการบันเทิงมา 34-35 ปี ผมคงเสียใจมากถ้าไม่ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการพลิกคาแร็คเตอร์อย่างมากครับ ต้องมีการฝึกถือปืน การรับรู้น้ำหนักของปืน การถือปืนไปพร้อมกับถือไฟฉาย และมันยากตรงต้องนิ่ง ต้องสื่ออารมณ์ ใช้สายตาแทนความรู้สึก ไม่ยิ้ม ทุกอย่างเราสื่อทางสาตา จ่าทองกับวสันต์เป็นคู่หูที่รู้ใจกัน ทำงานด้วยการนาน เพียงแค่มองตาก็รู้ใจ ผมชอบนะ การแอ็คติ้งเล่าเรื่องแบบนี้ครับ”
คุณชายอดัม “ป๋าโน้ตตั้งใจแสดงสูงมากครับ ป๋าเป็นคนแรกที่มาถึงกองถ่าย ทำการบ้านมาพร้อม แม้เข่าจะไม่ค่อยดี แต่ป๋ายอมเล่นคิวบู๊ ทั้งวิ่ง ยิง ทุ่มเทมาก โดยที่ปิดบังเรื่องเข่าไม่ดีกับผมมาตลอด ผมเพิ่งจะมารู้ตอนหลังเองนะครับ”
คุณชายอดัม “ประพันธ์ ผมคิดถึงพี่หนึ่ง ชลัฏ คนเดียวเลย แล้วก็ไม่ได้แคสฯใหม่ครับ เรารู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยพี่หนึ่งเล่นบันทึกกรรมกับผมมาก่อน พี่หนึ่งเข้าใจวิธีการทำงานของผมเป็นอย่างดี และเขาก็ชอบความท้าทาย อย่างคาแร็คเตอร์ของประพันธ์ เป็นตัวละครที่เราคิดว่าเลวและดี อยู่ในโลกสีเทาพอสมควร อยู่เบื้องหลังหลายสิ่ง หลายอย่างเป็นตัวขับเคลื่อนของ มลทิวา วสันต์ นลิน ผมเชื่อฝีมือการแสดงของพี่หนึ่งอยู่แล้วตั้งแต่แรก”
หนึ่ง ชลัฏ เล่าถึงบทบาทสำคัญของ ประพันธ์ บุคคลที่เป็นฉนวนก่อเหตุ และการเตรียมตัวในครั้งนี้ว่า “ประพันธ์กับวสันต์เป็นเพื่อนกันสมัยเรียน และด้วยที่ประพันธ์เป็นคนทำงานเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง จึงก้าวหน้าเร็วกว่าจนเป็นหัวหน้าของวสันต์ แต่มีสิ่งนึงที่ประพันธ์แค้นวสันต์อยู่ตลอดในใจ คือ สมัยเรียนจีบผู้หญิงคนเดียวกัน มลทิวา ซึ่งสุดท้ายแล้ววสันต์กับมลทิวาก็แต่งงานกัน กลายเป็นทำให้ประพันธ์เกิดความเก็บกดในใจ และก็ยังมีปัญหาการทำงานกับวสันต์ จนถึงขั้นสั่งปลดวสันต์ออกครับ
สำหรับบทของ ประพันธ์ ตอนอ่านบทพอตีความได้ประมาณนึงเราจะต้องคุยกับผู้กำกับ ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อย คุณชายอดัมก็จะอธิบายว่าพ่อแม่ของตัวละครจะเป็นแบบนี้ ที่บ้านเป็นแบบนี้ เรียนหนังสือมาแบบนี้ ชอบทำแบบนี้นะ ผมก็เข้าใจ จากนั้นก็นำมาปรับให้เข้ากับบทของผู้การเป็นนาย มีลูกน้องคำพูดการออกคำสั่ง หรือจะเป็นคำพูดในสำนักงานตำรวจควรจะพูดแบบไหน ก็มีไปศึกษาจากพวกรุ่นพี่ที่เป็นตำรวจด้วยครับ ต้องเก็บรายละเอียดสิ่งเล่านี้มาให้ครบถ้วนครับ เตรียมตัวมาพร้อมพอสมควร”
คุณชายอดัม “ทำงานร่วมกับพี่หนึ่งไม่เคยมีปัญหาใดๆทั้งสิ้นอยู่แล้ว คุยง่ายมาก ถ้าหากย้อนกลับไปหนังเรื่องต่างๆที่เขาเล่นทั้งหมด พี่หนึ่งเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพเยอะแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เป็นดาราที่ป๊อปปูล่า แต่เป็นนักแสดงที่อย่าเผลอเด็ดขาดเลย เพราะจะแทงคุณไปที่หัวใจได้ทันทีครับ”
คุณชายอดัม “มลทิวา คือ พี่ป๊อก ปิยธิดา นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัลมาครบทุกสถาบันของประเทศไทย ผมโทรเชิญพี่ป๊อกมาแสดงเรื่องนี้ และพี่ป๊อกก็ยินดีที่จะแสดง สำหรับคาแร็คเตอร์ มลทิวาเป็นผู้หญิงนิ่ง แต่ใช้อารมณ์เยอะ มีการเชือดเฉือนอยู่ในระดับนึง แล้วพี่ป๊อกสามารถสะกดตัวละครนี้ได้อย่างอยู่หมัดเลยครับ”
ป๊อก ปิยธิดา เล่าถึงบทบาทที่โดดเด่น และความน่าสนใจของ มลทิวา ในครั้งนี้ว่า “บทบาทของมลทิวาในเรื่องนี้มีอยู่แบบพอประมาณ โดยในแต่ละซีนที่แสดงนั้นค่อนข้างลึกมากและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ถือว่าเป็นบทที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่ง มลทิวา เป็นผู้หญิงที่ไม่แสดงอารมณ์ออกมาเยอะ แต่ว่าจริงแล้วเธอเต็มไปด้วยความรู้สึก เพียงแต่ไม่แอ็คชั่นออกมา ไม่กรี๊ดกร๊าด ไม่พูดเยอะ จะเป็นคนนิ่งๆแล้วคอยสังเกตุความเป็นไป และ มลทิวา คือ จุดเปลี่ยนของตัวละครระหว่างประพันธ์กับวสันต์ในเรื่องนี้ค่ะ”
คุณชายอดัม “พี่ป๊อกเป็นคนที่เติมความสมบูรณ์ให้กับหนัง ผมอยากมีประสบการณ์ร่วมงานกับนักแสดงเก่งแบบพี่ป๊อกสักครั้งนึงเป็นคนน่ารักมาก พูดน้อยนับคำได้เลยแต่เป็นคนเฮฮา ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ป๊อกเหลือเชื่อมากเลยครับ(ยิ้ม)”
คาแร็คเตอร์
หลักฐานที่ได้จากคดี
“เสน่ห์ของภาพยนตร์เปรียบเหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตน
คือ ใน 1 วินาที เราต้องใช้เงินเป็นแสนๆบาท เพื่อที่จะให้เกิดความสมบูรณ์แบบ
ภาพยนตร์ คือ ความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ”
สารวัตรหมาบ้า นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และหาดูได้ยากจากภาพยนตร์ไทยยุคปัจจุบันนี้อย่างสิ้นเชิง โดยอันดับแรกที่คุณชายอดัมคำนึงถึงคือการสร้างภาพยนตร์ที่มีความสนุก มีความบันเทิง ที่ไม่ต้องการสร้างความแตกต่าง เพียงแต่สร้างความเฉพาะตัว มุ่งเน้นการแสดงเป็นเอกลักษณ์ และบทภาพยนตร์ที่เน้นความสำคัญของตัวละครเป็นหลัก ซึ่งเล่าถึงความโดดเด่นของบทภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า
คุณชายอดัม “สำหรับผู้เขียนบทภาพยนตร์เป็นน้าของผมเองครับ เจษธำรงค์ เศรษฐี ครั้งแรกที่ผมอ่านบทมันทั้งเจ๋ง และมีลูกบ้าเยอะมากครับ เป็นบทที่ใส่รายละเอียดคาแร็คเตอร์ของตัวละครเยอะ เป็นภาพยนตร์ที่จับประเด็นด้วยการให้ความสำคัญกับตัวละครนั้นๆ ความเป็น วสันต์ จ่าทอง นลิน ประพันธ์ มลทิวา ซึ่งมีความคล้ายภาพยนตร์ยุคเก่า เราไม่พยายามทำให้เป็นภาพยนตร์สมัยใหม่ที่เน้นเนื้อเรื่องสำคัญที่สุด แต่เราเน้นที่คาแร็คเตอร์เป็นสิ่งสำคัญ แล้วนำพาไปสู่อีกจุดนึงครับ”
เต๋า สมชาย “ผมประทับใจฉากหนึ่งในหนังที่ถ่ายแบบ Long Takes คือเล่าเรื่องตั้งแต่รถขับ เดินเข้าโรงพัก พูดคุยกับเพื่อนตำรวจ จนเดินไปถึงศพ ใช้แสตนดี้แคมในการถ่ายเทคเดียวเลย ซึ่งทุกอย่างมันต้องเป๊ะๆ คนเข้า คนออก หมา ตำรวจ ส่วนเรื่องของฉากที่แอ็คชั่นหรือฉากต่างๆผมชอบอยู่แล้ว แต่อันนี้มันคือ ซีนคาแร็คเตอร์ซึ่งนานๆทีเราจะได้เล่นแบบนี้สักที คิวเยอะๆ ตัวแสดงเยอะๆ ตัวแสดงวันนั้นเกือบร้อยครับ มีคิวรถ คิวป่อเต็กตึ๊ง คิวสุนัขตำรวจ มีรถดับเพลิงมา ผมว่ามันเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังมันมีชีวิตครับ”
คุณชายอดัม “ผมต้องการทำให้เห็นว่า วสันต์ต้องแบกรับปัญหาเยอะ ปัญหามากมายที่มารุม เราต้องการเล่าเรื่องให้รู้สึกกดดัน เป็นการดีไซน์ช็อตขึ้นมาครับ ไดอะล็อคทั้งหมด 4-5 หน้ากระดาษ เราต้องซ้อมกันให้แม่น ทุกอย่างต้องแม่นหมด รวมถึงทีมงาน นักแสดงสมทบ ประมาณ 14 เทค พี่กบ(พนม พรมชาติ) ผู้กำกับภาพถึงกับขาทรุดเลย หลังจากถ่ายทุกคนจะมามุงดูที่จอมอนิเตอร์ทุกคนลุ้นกันสุดๆ เพราะว่ามันยากฉากนี้มันไม่ง่ายเลยครับ แต่ก็เป็นฉากที่สนุกมาก”
ในด้านความมันส์ บู๊สะใจแบบแอ็คชั่นนั้น มีความดิบแบบสมจริง ที่ไม่ได้เน้นแอ็คชั่นท่าสวยงาม แต่เน้นความบ้าบิ่นที่พร้อมจะลุยได้ในทุกสถานการณ์ ซึ่ง คุณชายอดัม เป็นผู้คิดและออกแบบคิวบู๊ในเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้ออกแบบคิวบู๊ทำงานต่อ
คุณชายอดัม “นักแสดงทุกคนมีคิวบู๊ของตัวเองครับ ผมให้พี่เกชาจาก Jaika(ใจกล้า)Team รับผิดชอบในการออกแบบคิวบู๊ช่วยดูว่า ตรงนี้เป็นอย่างไร ตรงนั้นเป็นอย่างไร วิธีปฏิบัติของตำรวจเป็นแบบไหน ผมต้องการเห็นการทำงานแบบเป็นทีมเวิร์ค ไม่ใช่พระเอก วสันต์ฉายเดี่ยว นางเอกลุยเดี่ยว แต่เราจะเห็นตัวละครทำงานร่วมกันเป็นทีม เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ลุยด้วยกัน ทำงานเข้าขาเป็นทีมกัน”
คริสตัล วี “เป็นหนังแอ็คชั่นแต่ก็มีความดราม่าเยอะพอสมควร เพราะจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องไปเรื่อยๆ โดยมีฉากนึงต้องแสดงแอ็คชั่นก่อน และต่อด้วยดราม่า มันรวมอยู่ในซีนเดียวกัน อารมณ์มันค่อยๆบิ้ว ถูกสร้างมาอย่างต่อเนื่อง จนมาอารมณ์ที่ต้องปลดปล่อยมันออกมาทุกอย่างเลยค่ะ เป็นฉากที่นลินต้องซ้อมนักโทษ แล้วก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาแบบไม่รู้ตัวแล้วค่ะ”
คุณชายอดัม กล่าวถึงเสน่ห์ของโลกภาพยนตร์ว่า “เสน่ห์ของภาพยนตร์ เปรียบเหมือน การขี่ช้างจับตั๊กแตน คือใน 1 วินาที เราต้องใช้เงินเป็นแสนๆบาทเพื่อที่จะให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ภาพยนตร์คือความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ต้องสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และหากถามถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์ สารวัตรหมาบ้า คือ เราได้ย้อนกลับไปดูเมื่อประมาณ10-15 ปีที่แล้ว เหมือนเป็นเครื่องทามแมชชีน การย้อนกลับไปดูหนังในยุคนึงครับ แต่เราไม่ได้ทำหนังโบราณ เพียงแค่ย้อนเข้าไปในความรู้สึกคุ้นเคย อย่างเพลงประกอบภาพยนตร์เราก็เลือกนำเพลงเข้าใจไปเอง ของซิสเต็มโฟร์ มาcoverใหม่ ซึ่งร้องโดย พี่ช้าง(Siam Secret Service) กฤช ทวีสิน ดนตรีโดย โมโนโทน มิวสิค ซาวด์เพลงจะแปลกหน่อยไม่ใช่เพลงสมัยใหม่ หรือเพลงป็อปยุคปัจจุบันครับ”
ผู้อยู่เบื้องหลังคดี
“มันคือโลกของภาพยนตร์ตำรวจในยุค 80’s มากๆครับ”
การออกแบบงานสร้าง สำหรับภาพยนตร์ สารวัตรหมาบ้า นับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคุณชายอดัม และทีมงานสร้างเป็นอย่างมาก เพราะด้วยยุคสมัยของภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นไปในช่วงยุคสมัยปี 80’s-90’s ขั้นตอนการออกแบบทุกอย่างจึงต้องถูกเห็นพ้องต้องกัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านการตกผลึกมาอย่างดีที่สุด โดยสร้างความโดดเด่นตั้งแต่ พื้นฐานตัวละคร คาแร็คเตอร์ สไตล์การแต่งกาย mood & Tone ของการออกแบบงานสร้างทุกอย่าง ตั้งแต่รายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงสเกลที่ใหญ่ อย่างการสร้างสำนักงานตำรวจขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เป็นต้น
คุณชายอดัม ย้ำถึงการออกแบบงานสร้างที่เหนือชั้น และทีมงานสร้างฝีมือระดับคุณภาพอย่างภาคภูมิใจในครั้งนี้ว่า “Mood & Tone ของภาพยนตร์จะอยู่ช่วงปลาย 80 จนถึงยุค 90 ต้นๆ เราจะเห็นการแต่งกายด้วยเสื้อตัวโคร่งๆใหญ่ๆ Make up สีตุ๋นๆ ลูกกรงเหล็กแบบสมัยก่อน รถฟอร์ดคอร์ติน่าแอล ปืนสมิท.357 และหากใครลองสังเกตุดูดีๆ จะไม่มีใครถือปืนแบบเดียวกันเลยครับ ทุกคนล้วนมีปืนคนละแบบที่มีที่มาที่ไปต่างกันหมด ควันเยอะๆ ฝนตก มันคือโลกของภาพยนตร์ตำรวจในยุค 80’s มากๆครับ
เราเริ่มสร้างโลก สร้างความโดดเด่น เริ่มทำการฟิตติ้ง โดยพี่นุ่ม(นุ่มฤดี คำยา) ผู้ออกแบบเครื่องกาย ด้านโปรดักชั่นดีไซด์จะเป็น พี่จู๋(พงศ์นรินทร์ จงห่อกลาง) เป็นโปรดักชั่นคู่บุญผมเลยครับ เราคุยกันถึงยุคสมัยก่อน เสื้อผ้าแบบไหน โทนสีประมาณไหน เหมาะกับคาแร็คเตอร์แต่ละคนอย่างไรบ้าง จากนั้นมาที่การแต่งหน้าของแต่ละคาแร็คเตอร์จะเป็นอย่างไร รูปร่าง สูงใหญ่ ดำ คล้ำ หรือเตี้ยจะต้องเป็นอย่างไร เวลาขยับตัวแล้วต้องดูทะมัดทะแมง ยกตัวอย่าง นลิน เราเติมไฝเติมรายละเอียดปลีกย่อย หรือจะป๋าโน้ต เราก็ทำหางตาตก เพิ่มรอยมุมปาก ไว้หนวดออกแนวตำรวจแหกคอก”
คุณชายอดัม เล่าต่อว่า “ผมกล้าพูดว่าโปรดักชั่นดีไซด์ของผมเหนือชั้น ถึงแม้จะไม่ได้หวือหวาอลังการงานสร้าง แต่มันเหนือชั้นในแง่ที่มันตกผลึกดีจริงๆสีของม่าน สีของโซฟาของทุกอย่าง ผ่านการคิดหมด การสร้างโรงพัก สำนักงานตำรวจ ได้สเปสที่เราทำงานได้มีทางแสงสวย มีพื้นที่ให้เล่น ทำกิจกรรม เราสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ออกมาที่ไม่ให้ดูเป็นเซ็ท แต่เป็นจริงทั้งหมด ตั้งแต่ บ้าน สำนักงานตำรวจ ตึกร้างที่ซ่อนตัว บ้านของผู้ร้าย ทุกอย่างทำให้ดูเหมือนจริงและทุกอย่างมันย้อนยุคกลับไปอยู่ในช่วงนั้น
สำหรับโลเคชั่น คือพี่หมี พี่เปี๊ยก 2 คนเป็นโลเคชั่นเมเนเจอร์ ซึ่งมีลูกบ้าเยอะ ตอนไปดูสถานที่มีที่สวยๆเยอะมาก แล้วพอผมตัดสินใจ แต่ละที่โดนทุบทิ้งหมดเลย(หัวเราะ)โลเคชั่นของผมต้องบู๊หากันใหม่เพื่อให้ตรงใจผม ซึ่งเราได้โลเคชั่นที่ดีเป็นที่ทำให้เราทำงานน้อยลง เบาลง ประหยัดงบประมาณ เข้าถึงได้ง่าย และแต่ละที่ไม่ค่อยไกลจากกัน เดินทางสะดวก ทีมโลเคชั่นจัดให้ผมได้แบบสุดยอดจริงๆแล้วก็ภาพที่ออกมาจะเห็นในหนังเลยว่าแต่ละที่เป็นที่สดมาก เปิดโลเคชั่นใหม่หมดครับ ยกตัวอย่าง เช่น สถานีรถไฟตะเข้(ลาดกระบัง) หรือว่าตึกวชิรพยาบาลก็เป็นตึกที่ไม่มีใครเคยเข้าไปก่อน”
“สิ่งที่ผมจะบอกได้ คือ ผมทำเต็มที่ทุกๆวัน ทุกๆวินาที
ในชีวิตของผม คือ การทำงานที่ดียิ่งขึ้น”
นับเป็นก้าวแรกของ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม ของการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แบบเต็มตัวเรื่องแรก ด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มร้อย ที่พร้อมจะพิสูจน์ฝีมือให้คนชมภาพยนตร์ได้เดินทางไปพร้อมกับเขาแล้ว
คุณชายอดัม เล่าถึงความรู้สึกประทับใจและก้าวแรกสู่เส้นทางภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า “เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก เราต้องมีนักแสดง ทีมงานประมาณ 100 คน ที่กำลังมองหน้าเราและเราต้องเจอปัญหา เราจะไหวไหม ผมนั่งถามตัวเองตลอด และพอถึงเวลาจริง นักแสดงทั้งหมดมีความเป็นมืออาชีพมากครับ(ยิ้ม) ไม่มีใครเรื่องมาก ไม่มีใครวุ่นวาย ผมรู้สึกโชคดีที่สุด ทีมนักแสดงสร้างสิ่งใหม่ๆ และพยายามผลักดันตัวเองมองงานเป็นที่ตั้ง นี่คือสิ่งที่ผมได้จากนักแสดงทุกท่านครับ รวมถึงนักแสดงสมทบทุกท่านผมได้ความเป็นมืออาชีพจากทุกคน สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อ การเป็นผู้กำกับที่ดีของนักแสดง คือการตอบเขาให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเรามีโลกใบนี้เป็นของเราอยู่ในหัว ถ้าเราไม่ได้มอง 360 องศา เขาถามมาแล้วเราตอบไม่ได้ มันก็จบอยู่แค่นั้นเราต้องตอบทุกอย่างเขาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างทุกการกระทำเราต้องสวมหัวโขนของนักแสดงทุกคนได้”
เต๋า สมชาย เล่าถึงการได้ร่วมงานกับผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ผู้จุดประกายมุมมองใหม่ให้กับเขาในครั้งนี้ว่า“คุณชายอดัมเป็นคนที่มีมุมมองเป็นเอกเทศเฉพาะทางส่วนตัวแฝงไว้ ทำให้ผมมองเห็นถึงผู้กำกับยุคใหม่ ไฟแรงที่ไม่ได้อิงกระแส ไม่ได้อิงสิ่งที่มันเกิดขึ้น ผมอยากจะบอกว่านี่คือ หนังอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นมุมมองหรือทางเลือกใหม่ให้กับคนที่เสพหนังไทย แล้วสิ่งที่อยากจะพูดในฐานะของพี่ชาย หรือรุ่นพี่ หรือนักแสดงว่า ขอบคุณมากสำหรับมุมมองในเรื่องของงานเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้กับผม”
คริสตัล วี เล่าเสริมต่อถึงความเชื่อมั่นในฝีมือการกำกับของคุณชายอดัมในครั้งนี้ว่า “สำหรับคุณชายอดัมเรื่องนี้เป็นการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของเขาเลย แต่การทำงานของเขามืออาชีพมาก เขาก็รักศิลปภาพยนตร์ของเขา เอาใจใส่ทุกรายละเอียด และให้ความสำคัญกับนักแสดงของอย่างมาก มีอะไรก็คุยกันตรงๆได้หมด เป็นผู้กำกับที่ตั้งใจทำงานมากค่ะ”
หนึ่ง ชลัฏ “เสน่ห์อยู่ที่ความดิบของสังคม จุดเด่นของเรื่องคือความเป็นจริงของสังคม ภาพยนตร์ปัจจุบันจะเน้นประเภท รัก วัยรุ่นกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับ สารวัตรหมาบ้าจะเป็นแนวที่แตกต่างออกมา อยากให้ไปดูกันนะครับ ลองเปิดโอกาสกับภาพยนตร์แนวนี้ดูกันบ้างนะครับ พวกเราตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่นะครับ”
ป๊อก ปิยธิดา “สารวัตรหมาบ้า หนังอีกสไตล์ที่ค่อนข้างหาดูได้น้อยในประเทศไทยนะคะ บางเรื่องก็จะเน้นแอ็คชั่นไปเลย แต่สำหรับเรื่องนี้เราไม่สามารถเดาเนื้อเรื่องได้เลย ซึ่งคิดว่าเวลาที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วเราจะสนุกและลุ้นไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว เรื่องราวที่ค่อยดำเนินไปโดยที่คุณไม่สามารถเดาตอนจบของเรื่องนี้ได้เลยค่ะ”
โน้ต เชิญยิ้ม “หลังกองก็อำกัน เฮฮากันไป คุยเรื่องอดีตกันบ้าง โพสต์รูปที่เราถ่ายกันลงอินสตาแกรม บางทีก็อำผู้กำกับ โหดจริงถ่าย 6 โมงเช้ายังให้เราต่อยกันอยู่เลย ก็อำกันไป ผมกับเต๋าจะคุยเรื่องลูก ลูกเรียนที่นั่น ลูกเรียนทีนี่ครับ ความน่าสนใจของสารวัตรหมาบ้า คือ จริงๆมันมีอะไรซ่อนอยู่ ไม่ใช่เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญ มันมีปมของตำรวจ คุณดูหนังเรื่องนี้แล้วคุณจะเข้าใจตำรวจดี อีกอย่างคือความแปลก ความแปลกของหนังไทยในยุคนี้”
คุณชายอดัม “รู้สึกว่าชีวิตนี้คงจะเหนื่อยมาก ที่จะให้ความบันเทิงกับคนนะครับ หนังจะดี ไม่ดี ผมให้คำตอบไม่ได้ สิ่งที่ผมจะบอกได้คือผมทำเต็มที่ทุกๆวัน ทุกๆวินาทีนะครับ ในชีวิตของผม คือ การทำงานที่ดียิ่งขึ้น ฝากติดตามชมภาพยนตร์เรื่อง สารวัตรหมาบ้า ด้วยนะครับ เปรียบเหมือนกับการเดินทางของผม และอยากฝากการเดินทางครั้งนี้ให้ดูว่า ผมเติบโตเป็นอย่างไร นี่คือก้าวแรกและตั้งใจทำให้ดีที่สุดครับ”
ประวัติผู้กำกับ
ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล (คุณชายอดัม)
ม.ร.ว. เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม บุตรชายใน หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และ หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา เกิดในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2528 ด้วยความผูกพันในการทำงานด้านภาพยนตร์ตั้งแต่สมัยเด็ก จึงเลือกศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และโทรทัศน์ ที่ Bond University ประเทศออสเตรเลีย
ในขณะที่กำลังศึกษา นอกเหนือจากการกำกับภาพยนตร์สั้น มิวสิกวิดีโอ และเป็นช่างภาพอิสระแล้ว คุณชายอดัมยังเป็นคอลัมนิสต์ให้กับ นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นงานด้านการเขียนของคุณอดัม และยังมีงานผลิตอีเว้นท์ด้านวัฒนธรรม หลากหลายงานในประเทศออสเตรเลีย หลังจากสำเร็จการศึกษาคุณอดัม ได้เดินทางกลับมาเริ่มต้นชีวิตการทำางานที่ประเทศไทยด้วยการนำความสนใจในเทคโนโลยี ความต้องการในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆรอบตัว และความถนัดในด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ จึงเปิด บริษัท ฟุ๊คดุ๊ค โปรดักชั่น จำกัด บริษัทสื่อ New media ที่ผลิต Internet TV ช่องรายการออนไลน์ในหลากหลายเนื้อหาความสนใจ รวมถึงการผลิตงานโปรดักชั่นให้กับหน่วยงาน และบริษัทชั้นนำในประเทศไทยอาทิเช่น Google, Apple, Microsoft, Blackberry, Fuji Xerox, Ogilvy, เนชั่น บรอดแคสตงิ้ คอร์เปอเรชั่น, โค้ก, Mind Share, อิสระกรุ๊ป, CNBC, กองบัญชาการกองทัพไทย, Sony, ททท. ฯลฯ
นอกจากนี้ คุณอดัมยังเป็นทั้ง ผู้ควบคุมการสร้างการ์ดเกมส์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช", อดีตนักวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับนิตยสาร แฮมเบอร์เกอร์, วิทยากรรับเชิญให้กับทางมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆในทุกศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารมวลชน IT การตลาด และการประชาสัมพันธ์ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้การสนับสนุน "Creative Commons" อีกด้วย ในขณะนี้นอกเหนือจากการเป็น Lead Project Supervisor ให้กับเกมส์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ออนไลน์ ซึ่งร่วมกับบริษัท เอเซียซอฟต์ จำากัด (มหาชน) และการเป็นผู้จัดรายการ Good Night ทางคลื่น อสมท. เอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิดแล้ว คุณอดัมยังได้สั่งสมแรงบันดาลใจจากการเติบโตขึ้นในกองถ่ายภาพยนตร์ การได้รับรางวัลจากการทำหน้าที่ถือไมค์บลูมให้กับฝ่ายเสียงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ CG Supervisor ให้กับภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 3, 4 และ 5 จึงได้นำแรงบันดาลใจ และความตั้งใจรวมกับความรู้ด้านภาพยนตร์ที่ได้สั่งสมมา กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีชื่อว่า “สารวัตรหมาบ้า”