นายคมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ได้เข้ามาทำตลาดรถโดยสารที่มีน้ำหนักมากกว่า 8 ตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2548 โดยบริษัทฯได้มีการทำตลาดและมียอดจำหน่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 150 คัน จึงนับได้ว่าตลาดรถโดยสารหรือรถบัสเป็นตลาดที่กำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 อันเนื่องมาจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวกำลังขยายตัว เพื่อรองรับกับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น เตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จึงทำให้ตลาดรถกลุ่มนี้ยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่แพ้กับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
ล่าสุดบริษัทฯ ได้แนะนำแชสซีรถโดยสารใหม่นำเข้าจากประเทศสเปน รุ่น OC 500 RF 2542 ความยาว 15 เมตร ซึ่งได้รับการออกแบบสำหรับตัวถังรถโดยสารให้มีขนาดความกว้างสูงสุดถึง 2.55 เมตร และสามารถต่อตัวถังที่มีความยาวสูงสุดสำหรับรถโดยสารสองเพลา (6 ล้อ) ที่ 13.5 เมตร และ ยาวถึง 14.6 เมตร สำหรับรถโดยสารสามเพลา (8 ล้อ) โดยเราเชื่อมั่นว่าแชสซีรุ่นดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการธุรกิจเป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติของแชสซีที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ความแข็งแรงทนทาน ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์อันทรงพลังที่ให้สมรรถนะเยี่ยม ประหยัดพลังงาน และบำรุงรักษาง่าย นอกจากนั้นยังรับประกันคุณภาพ 2 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางในปีแรก และสูงสุดถึง 800,000 กิโลเมตรในปีที่สองด้วย
แชสซีรุ่น OC 500 RF 2542 ใหม่นี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ OM457LA เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ มีความจุกระบอกสูบ 11,967 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 310 กิโลวัตต์ (422 แรงม้า) ที่ 2,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 1,900 นิวตันเมตรที่ 1,100 รอบต่อนาที โดยแชสซีมีขนาด (กว้างxยาวxสูง) ที่ 2,510 x 14,355 x 1,720 มม.มีระบบการจัดการเครื่องยนต์ควบคุมโดยอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงระบบยูนิตปั๊ม ซึ่งช่วยให้การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น แรงบิดที่สูงขึ้นในรอบเครื่องที่ต่ำ รวมถึงช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และยืดอายุการใช้งานเพิ่มเติมอีกด้วย
ด้านระบบความปลอดภัย เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS) ระบบเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ รีทาร์ดเดอร์ และระบบเบรกไอเสีย (ASR) โดยจะเป็นดิสค์เบรกทุกล้อ และเพลาหน้าแบบคานอิสระ ซึ่งให้ความนุ่มนวลแก่ผู้โดยสาร ความสะดวกสบายในการขับขี่ และความปลอดภัยเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นเพลาท้ายซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญของแชสซีรุ่นนี้ ได้ถูกออกแบบให้มีสภาพแข็งแรง ทนทาน เพื่อให้อายุการใช้งานยาวยิ่งขึ้น อีกทั้งยังให้สมรรถนะในการขับขี่อันเป็นเลิศ และกำลังในการเบรกสูงสุด อีกทั้งยังมีระบบอิเล็คโทรไฮดรอลิก ในการควบคุมบังคับเลี้ยวเพลาที่ 3 โดยสามารถบังคับได้ทั้งขับเคลื่อนเดินหน้า หรือ ถอยหลังด้วย
ทั้งนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แต่งตั้งให้บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด เป็นผู้จำหน่ายแชสซีรถโดยสารเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมกับบริการหลังการขาย
นายคมกริช กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มบริษัทเดมเลอร์ถือเป็นผู้นำแห่งวงการอุตสาหกรรมรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและระบบความปลอดภัยที่เพียบพร้อม โดยมีศูนย์กลางการผลิตอยู่ที่โรงงานในเมืองซามาโน ประเทศสเปน ซึ่งดำเนินการผลิตแชสซี รถโดยสารในหลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ และด้วยคุณภาพในเรื่องความทนทานแข็งแกร่งสำหรับทุกสภาวะการขับขี่ การประหยัดพลังงานรวมถึงระบบความปลอดภัยที่เพียบพร้อม ทำให้แชสซีรถโดยสารเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
เยาวเรศ, ศิริพรโทรศัพท์ 02 614-8811-12
หรือ PR Agency เวิรฟ
พรทิภา, หงส์สุชา โทรศัพท์ 02 204 8078, 02 204 8501
ท่านสามารถดาวน์โหลดข่าวประชาสัมพันธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th
หรือติดตามข้อมูลข่าวสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ที่ www.facebook.com/MercedesBenzThailand