หม่อมราชวงศ์สุพินดา จักรพันธุ์ ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิสายเด็ก 1387 กล่าวว่า “10 ปีที่ผ่านมา การทำงานเกี่ยวกับสิทธิเด็กมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีบุคคลและหน่วยงานที่ตระหนักถึงเรื่องสิทธิเด็กแจ้งเข้ามาทางมูลนิธิฯ เพื่อให้ช่วยเหลือเด็กที่ประสบปัญหาในกรณีต่างๆ และทางเราได้ติดตามประสานงานกับเจ้าหน้าที่จนสามารถช่วยเหลือให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เราทุกคนต่างรู้ดีว่า เด็กคืออนาคตของชาติ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กทุกๆคน คือ “โอกาส” จึงอยากขอให้สังคมร่วมมือร่วมใจกันสร้างโอกาสให้แก่เด็กๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพของสังคม และเมื่อเด็กได้รับโอกาสและสิทธิที่พึงได้รับ พวกเขาจะกลับมาเป็นผู้ให้คืนแก่สังคมต่อไปได้ในอนาคต”
มูลนิธิสายเด็ก 1387 ได้รายงานถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานทั้ง 3 โครงการภายใต้มูลนิธิฯ เริ่มจากโครงการ “ศูนย์ฮอตไลน์สายเด็ก 1387” ในปีที่ผ่านมา มีสถิติสายโทรฯเข้าถึง 93,980 สาย ซึ่งร้อยละ 40 เป็นปัญหาเกี่ยวกับสังคมจิตวิทยาและสุขภาพจิต ทั้งปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูกทอดทิ้ง ฯลฯ และมีกรณีจำเป็นที่ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 150-200 รายต่อปี
โครงการ “เดอะฮับ สายเด็ก” ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 มีหน้าที่ช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนและเด็กด้อยโอกาส ตั้งอยู่ที่ถนนไมตรีจิตร (หัวลำโพง) เป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิสายเด็ก 1387 และ มูลนิธิเอกซอดัส ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้จำลองศูนย์ฝึกทักษะการใช้ชีวิตสำหรับเด็กเร่ร่อนของประเทศออสเตรเลียที่ประสบความสำเร็จมาใช้ โดยให้แหล่งพักพิงและทำกิจกรรมสันทนาการในช่วงเวลากลางวัน เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความเคารพตัวเองและมีทัศนคติที่ดี สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆและดำรงชีวิตอยู่ได้ ดูแลเรื่องสุขภาวะคือ กินอร่อย ท้องอิ่ม ตัวสะอาด โดยมูลนิธิฯยังคงต้องการการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทางมูลนิธิฯ มีความประสงค์ให้รัฐกำหนดมาตรฐานเดียวกัน ให้เด็กเข้าถึงบริการของภาครัฐในทุกเรื่อง ทั้งการศึกษาและสาธารณสุข
ส่วนโครงการ”พัฒนาชุมชนชาวมอแกน” หมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งเป็นโครงการล่าสุดที่มูลนิธิฯได้เข้าไปช่วยเหลือทั้งบริการสาธารณสุขและการศึกษากับชาวมอแกน ปัจจุบันโรงเรียนบนเกาะมีครูชาวมอแกนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นคนแรก นอกนั้น ยังได้จัดทำโครงการอาหารกลางวันและก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์พร้อมแผงโซลาร์เซลล์ให้มีแสงสว่างใช้ เพื่อให้ชาวมอแกนสามารถดำรงชีพได้ด้วยตนเอง อิเลีย สมินอฟ ผู้อำนวยการมูลนิธิสายเด็ก 1387 กล่าวว่า “เรายังคงต้องการความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือ และสนับสนุนเรื่องสิทธิเด็ก รวมไปถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาของเด็ก โดยเฉพาะภาคประชาสังคม ที่ต้องให้ความสนใจเรื่องมาตรฐานสิทธิเด็กมากขึ้น เพราะเด็กทุกคนควรจะได้รับการดูแล ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ เพื่อที่เด็กจะสามารถดูแลตนเอง และไม่เป็นภาระของสังคม ขอให้ช่วยกันเรียกร้องสิทธิให้แก่เด็ก โดยไม่นิ่งเฉยเมื่อพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือเลือกปฏิบัติกับเด็กเร่ร่อน เพราะพวกเขาทุกคนก็คืออนาคตของประเทศชาติ”
มูลนิธิสายเด็ก 1387 ยังคงเดินหน้าดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้มูลนิธิอย่างต่อเนื่อง โดยขอเชิญชวนผู้ใจบุญร่วมสนับสนุนโครงการต่างๆ ของมูลนิธิฯ ได้ โดยการบริจาคเงิน บริจาคสิ่งของ หรือการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร ได้ที่ โทรศัพท์ : 02-561-0981 ต่อ 109 โทรสาร : 02-941-8306 ชื่อบัญชี มูลนิธิสายเด็ก1387 ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางเขน เลขที่บัญชี 070-2-84387-1 เว็บไซต์: www.childlinethailand.org หรือ www.thehub.childlinethailand.org และ https://www.facebook.com/childlinethailand อีเมล์: [email protected] หรือ [email protected] ปัจจุบันมูลนิธิสายเด็ก 1387 ได้รับการประกาศจากกรมสรรพากรกระทรวงการคลังให้เป็นองค์กรที่ได้รับการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้บริจาค
ติดต่อ:
มูลนิธิสายเด็ก โทรศัพท์ : 02-561-0981 ต่อ 109 โทรสาร : 02-941-8306