นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ทำการเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ในสัดส่วน 85% รวมเป็นราคาซื้อหุ้นทั้งสิ้นเท่ากับ 400,000,000 บาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าราคาประเมินที่ที่ปรึกษาทางการเงิน สรุปราคาที่เหมาะสมเท่ากับ 476.48 ล้านบาท โดยเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินที่ได้จากเงินเพิ่มทุน และกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ
ทั้งนี้ KMC จะได้รับประโยชน์จากการซื้อหุ้นดังกล่าว โดยจะสามารถได้รับผลตอบแทนจากการถือหุ้นคือ ผลกำไรที่เกิดขึ้นในการจัดทำงบการเงินรวม และได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นของ “อควาเรียส เอสเตท” ซึ่งบริษัทฯ สามารถที่จะนำมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของ KMC ได้ในอนาคต อีกทั้งยังทำให้สามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมถึงธุรกิจการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น การทำธุรกิจโรงแรม ตลอดจนโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นที่ “อควาเรียส เอสเตท” มีอยู่แล้วมารวมเป็นรายได้รวมของบริษัทและกำไรของบริษัทเพิ่มเติม และเป็นการกระจายความเสี่ยงของประเภทของธุรกิจของ KMC ให้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้สินทรัพย์รวมของ KMC และ “อควาเรียส เอสเตท” ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 เท่ากับ 3,067.10 ล้านบาท และ 352.77 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากการเข้าลงทุนดังกล่าวคาดว่าบริษัทฯ จะเติบโตด้านทรัพย์สินมากกว่าปัจจุบันประมาณร้อยละ 11 และการเติบโตด้านสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมสูงขึ้น และการที่บริษัทฯ มีขนาดของสินทรัพย์และทุนที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ได้รับผลดีในเรื่องความเชื่อมั่นจากบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น เช่นสถาบันการเงิน ลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย คู่ค้า เป็นต้น และในอนาคตสามารถที่จะ Spin Off เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าลงทุนของ KMC
บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ก่อตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2548 โดย คุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 20 ปี และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการ ประกอบธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Project Management) และบริการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์อย่างสมบูรณ์แบบครบวงจร ให้ผู้ลงทุนหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่น ซึ่งทำให้มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและแก้ปัญหาในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่หลากหลาย
นอกจากงานให้บริการด้านการจัดการและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้กับบริษัทของลูกค้าแล้ว บริษัท อควาเรียส เอสเตท ยังมีโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง (Property Development) 2 โครงการคือ ชาซ่า รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ บนเกาะสมุย โครงการรีสอร์ทซึ่งได้รับรางวัลระดับโลก ที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 3 ปี มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ โครงการ เอควา เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 49 โครงการที่พักอาศัยสุดหรู เป็นคอนโดมิเนียมแรกที่มีบ่อน้ำร้อนแบบอ็อนเซนแบบญี่ปุ่นบนชั้นดาดฟ้า มูลค่าโครงการ 1,343 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ปิดโครงการไปเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นหนึ่งในคอนโดมิเนียมที่ได้รับผลตอบแทนค่าเช่าต่อตารางเมตรสูงสุดในสุขุมวิท
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติอนุมัติปรับโครงสร้างการบริหาร โดยแต่งตั้ง นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เป็น กรรมการและประธานกรรมการของบริษัทฯ แทนนายวัชรกิติ วัชโรทัย ที่จะไปดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบ
“นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวของ KMC ที่จะแสดงให้เห็นว่าเรามีทิศทางการดำเนินธุรกิจและการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งการเข้าซื้อ บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด จะทำให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาอย่างมาก ทั้งจากโครงการที่มีอยู่แล้ว และศักยภาพรวมทั้งมิติความหลากหลายในการพัฒนาโครงการใหม่ๆในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ทีมผู้บริหารไฟแรงและมากด้วยฝีมือ นำโดยคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ว่าไม่เป็นสองรองใครในวงการ อีกทั้งยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการเงิน ผมจึงมีความเชื่อมั่นว่าการเข้าลงทุนในครั้งนี้ จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า และก่อให้เกิดเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นทุกราย ในขณะที่ตัวผมจะอยู่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) เพื่อดูแลการดำเนินงานของบริษัทฯต่อไป” นายวิรัตน์กล่าว
ด้านนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการ KMC กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสได้เข้ามาร่วมงานกับ KMC ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทฯ ที่มีความพร้อมที่จะเติบโตและก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทีมงานที่มีความสามารถ และฐานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแรงขึ้นมากหลังจากดำเนินการเพิ่มทุนสำเร็จ ซึ่งหากประสานรวมกับทีมงานของ บริษัท อควาเรียส จำกัด ก็จะทำให้ทั้งคู่เป็นพันธมิตรที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและเติมเต็มกันและกันอย่างลงตัว
“ขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมีความมั่นใจ ว่าผมและทีมงานจะเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ KMC และเราจะก้าวไปด้วยกันอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีเป้าหมายในครั้งนี้ว่า 1+1 ต้องได้มากกว่า 2 ด้วยประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 20 ปี น่าจะเป็นการพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่าเราเข้ามาเพื่อพัฒนาบริษัทฯอย่างจริงจัง และสร้างผลงานของ KMC ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น และน่าจะสะท้อนได้จากผลการดำเนินงานของ KMC ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดนับจากปีนี้เป็นต้นไป” นายยงยุทธกล่าวในที่สุด