นายชลิต กล่าวต่อไปว่า สังคมโลกในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงต้องทำความเข้าใจกับสภาพความเปลี่ยนแปลงและก้าวตามทันโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นกระทรวงหลักในการดูแลปากท้องของประชาชนในส่วนใหญ่ของประเทศ ข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯจึงถูกคาดหวังจากเกษตรกรทั่วประเทศว่าจะเป็นผู้ที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรจะต้องนำบุคลากรในองค์กรไปสู่การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นระบบ ทำความเข้าใจกับสภาพความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก้าวตามทันวิทยาการใหม่ๆรวมทั้งพัฒนาตนเองให้เป็นผู้บริหารยุคใหม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ
“การฝึกอบรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นที่จะพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในหลักการและเทคนิคด้านการบริหารรวมทั้งเสริมสร้างคุณลักษณะของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ซึ่งใช้ทั้งทักษะ ศิลปะ และศาสตร์ทุกแขนงที่มีอยู่ในการทำงานมาทำให้เกิดผลสำเร็จได้จริงตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ อีกทั้งพัฒนาความพร้อมด้านบริหารจัดการ ตามแนวทางการพัฒนาระบบราชการให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม” นายชลิต กล่าว
อนึ่ง หลักสูตรในช่วงการอบรมจะแบ่งเป็น 4 ช่วง ประกอบด้วย การปฐมนิเทศเพื่อเตรียมความพร้อม มีการบรรยายวิชาการ การศึกษาดูงานเสริมสร้างประสบการณ์นักบริหารเชิงประจักษ์ด้วยการเดินทางไปศึกษาดูงานยังองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และ การนำเสนอผลงานการทำโครงการกลุ่ม (Group Project) และการปัจฉิมนิเทศเป็นต้น ทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ที่หลากหลาย ทันกับสถานการณ์ในยุคการบริหารราชการแนวใหม่ รวมทั้งเพื่อเป็นการเปิดมุมมองใหม่ และเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองที่แตกต่างระหว่างกันอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของตนเองและงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในอนาคตต่อไป