นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่กฎหมายได้กำหนดให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) มีหน้าที่ในการทบทวนธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติอย่างน้อยทุก 5 ปี ซึ่งธรรมนูญฯ ดังกล่าวจะครบรอบในการปรับปรุงในปี 2557 โดยการปรับปรุงเนื้อหาในธรรมนูญฯ จำเป็นต้องใช้องค์ความรู้เพื่อกำหนดภาพอนาคตของระบบสุขภาพ อันจะช่วยให้เห็นกรอบแนวทางในการออกแบบนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการดำเนินงานด้านสุขภาพของประเทศในอนาคต สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) จึงร่วมกันจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อระดมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในการจัดทำภาพอนาคตระบบสุขภาพไทย บนฐานข้อมูลการศึกษาแนวโน้มและปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพไทย
“ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสุขภาพ เช่น การคมนาคมทั้งในประเทศและต่างประเทศสะดวกมากขึ้น หลายชุมชนจัดการตนเองได้มากขึ้น มีการพัฒนาระบบการขนส่งเพื่อตอบสนองต่อคนทุกกลุ่มมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบสุขภาพ เช่น ภัยธรรมชาติ โรคอุบัติใหม่ วิธีการและรูปแบบการทุจริตคอรัปชั่นจะหลากหลาย จะตรวจสอบและเฝ้าระวังได้ยากขึ้น จากข้อมูลดังกล่าวนำมาสู่การระดมความคิดเห็นจากผู้กำหนดนโยบายทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข ภาคประชาสังคม นักวิชาการ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในประเด็นปัจจัยและสาเหตุของภาพอนาคต รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบสุขภาพ ตลอดจนแนวทางการป้องกันเพื่อลดผลกระทบนั้น”
จากการระดมความคิดเห็นพบประเด็นที่น่าสนใจจากการมองปัจจัยที่ไม่แน่นอน 4 ประเด็นได้แก่ การปฏิรูปครั้งใหญ่ของโครงสร้างทางการเมืองและกฎหมาย สังคมให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศ แนวโน้มการรักษาผู้ป่วยที่พึ่งพาเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์มากขึ้น โดยผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกันจากอดีต ปัจจุบันสู่ภาพในอนาคต โดยกลุ่มที่คิดว่าสุขภาพของคนไทยในอนาคตอาจจะดีขึ้น มองว่าอีก 10 ปีข้างหน้าระบบสุขภาพจะมีความเข้มแข็งบนฐานพลังร่วมกันของสังคม แต่ต้องการระบบการบริหารจัดการที่ดีและโปร่งใส รวมทั้งมีการกระจายอำนาจด้านสุขภาพให้ประชาชนได้ตัดสินใจมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่คิดว่าสุขภาพของคนไทยในอนาคตอาจจะแย่ลง มองว่าอาจจะเกิดภาวะหลุมดำของระบบสุขภาพ เนื่องจากอาจมีการใช้อำนาจโดยมิชอบ และบางเรื่องกฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ ตลอดจนขาดการเตรียมกลยุทธ์และยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านสุขภาพที่รอบคอบ
นพ.พงษ์พิสุทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้จากการประชุมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่มีแนวโน้มที่จะเกิด และปัจจัยผลักดันที่จะส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพ โครงเรื่องดังกล่าวจะถูกนำมากำหนดเป็นชื่อภาพอนาคตและจัดทำรายละเอียดของภาพซึ่งจะสะท้อนทั้งความหวาดกลัวและความหวังที่มีต่อระบบสุขภาพของประเทศ ณ เส้นเวลาเดียวกันของคนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่อาจเกิดขึ้นและอาจจะเป็นจริงได้ทั้งสิ้น เพื่อให้ผู้กำหนดนโยบายทุกภาคส่วนได้ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนและออกแบบการดำเนินงานต่อไป โดยเฉพาะคณะกรรมการทบทวนธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ที่จะมีหน้าที่ปรับปรุงเนื้อหาในธรรมนูญฯ ฉบับต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและบรรลุวัตถุประสงค์ของระบบสุขภาพอย่างแท้จริง
ติดต่อข้อมูลหรือสัมภาษณ์แหล่งข่าวเพิ่มเติม ได้ที่
หน่วยสื่อสารความรู้และขับเคลื่อนสังคม สวรส.
โทร. 02-8329245-6