นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านการพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เปิดเผยว่าทางบริษัทฯ ต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น จึงได้เริ่มทำการสำรวจกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับกลาง-บนถึงความต้องการที่อยู่อาศัย พบว่าเป็นกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง บนทำเลที่มีความสะดวกต่อการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยมีความต้องการโครงการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพภาพของการใช้ชีวิตซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงทำให้บริษัทได้เลือกเฟ้นทำเลในการพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมที่ดี ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ จนล่าสุดได้พื้นที่ในซอยสุขุมวิท 39 ที่จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ภายใต้แบรนด์ใหม่ MAESTRO (มา-เอส-โตร)เพื่อรองรับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน รวมไปถึงกลุ่มผู้บริหารชาวต่างชาติที่ย้ายมาทำงานในประเทศไทย ซึ่งทำเลนี้จะเหมาะทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนในระยะยาว
โดยการกำหนดเอกลักษณ์ของแบรนด์MAESTROให้มีจุดแข็งและแตกต่างจากแบรนด์อื่นภายใต้การบริหารของบริษัท คือขนาดโครงการไม่ใหญ่จำนวนห้องชุดในโครงการมีไม่มาก แต่ต้องตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง มีการออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอกที่แตกต่างมีเอกลักษณ์เช่นเดียวกับทุกโครงการภายใต้การบริหารงานของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งทุกแบรนด์มีจุดแข็ง และจุดขายที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความชัดเจนต่อกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายที่มีกำลังซื้อค่อนไปทางสูงซึ่งการตัดสินใจซื้อขึ้นอยู่กับคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในการลงทุน
สำหรับรายละเอียดของโครงการMAESTRO 39เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ที่มีความสูง 8 ชั้น มีชั้นจอดรถใต้ดิน 2 ชั้น ขนาด 90 ยูนิต บนพื้นที่โครงการขนาด 1-0-04ไร่ มูลค่าโครงการรวม600 ล้านบาท ราคาเสนอขายเฉลี่ยตารางเมตรละ110,000บาท พร้อมเตรียมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ที่มีให้เลือกถึง 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ Mino ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์ญี่ปุ่น และ Milazzoซึ่งเป็นสไตล์อิตาเลียน โดยห้องชุดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ประเภท 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร สูงสุด 122 ตารางเมตร
“จากการสำรวจเฉพาะกลุ่มพบว่าที่อยู่อาศัยบริเวณถนนสุขุมวิท 39 เป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจนเรียกบริเวณโดยรอบนี้ว่า ลิตเติ้ลโตเกียว ดังนั้นในแง่ของการออกแบบภายในห้อง ทุกยูนิตจะมีอ่างอาบน้ำ และอนุญาตสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการรองรับกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในกลุ่มนี้อย่างแท้จริง”นางสาวเพชรลดากล่าว
ด้านสถาปัตยกรรมการออกแบบภายนอกอาคารแบบคลาสสิคผสมผสานกลิ่นอายโมเดิร์น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตึกในยุโรปทรงโบราณ ที่ดึงเอาเส้นสาย และลวดลายมาเป็นจุดเด่นของโครงสร้างภายนอก แล้วนำมาแต่งเติมให้ตัดกันด้วยวัสดุแบบโมเดิร์น นั่นคือโลหะสีคอปเปอร์หรือสีทองแดง เพื่อให้เกิดสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร และภายในห้องพักก็ถูกออกแบบและตกแต่งโดยเน้นพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ทุกตารางเมตร
นอกจากนั้น โครงการ Maestro 39 ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องอ่านหนังสือ สนามเด็กเล่น ห้องสตีม-ห้องซาวน่าฟิตเนสเซ็นเตอร์และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และยังเพิ่มเติมให้เพียบพร้อมยิ่งขึ้นด้วยลานกิจกรรมลอยฟ้า ไม่ว่าจะเป็นลานพัตกอล์ฟ และซ้อมวงสวิงลอยฟ้า ลานโยคะ ศาลาพักผ่อนลานหมากรุก ลานสำหรับอาบแดด ลานอเนกประสงค์ ลานปาร์ตี้ และบาร์บีคิว และเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าหลักที่กล่าวมาขั้นต้น คือ มีออนเซ็นลอยฟ้าที่แรกในโครงการโลว์ไรส์ เพื่อความผ่อนคลายอีกด้วย
“Maestro 39 เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่โครงการ ซึ่งอยู่บนทำเลทองของโซนสุขุมวิท ที่การเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย แต่ทว่ายังมีความเงียบสงบ และให้ความรู้สึกไม่พลุกพล่าน ประกอบกับอยู่ในโซนที่มีคอมมิวนิตี้มอลล์ที่หลากหลาย ร้านค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล โรงเรียน และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายการเดินทางในซอยสุขุมวิทที่เส้นทางเชื่อมต่อกันได้หมด ทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ MAESTRO 39 จึงเป็นโครงการระดับลักษ์ชัวรี่ที่ราคาสบายกระเป๋า ที่คุ้มทั้งคุณภาพและราคาเชื่อมั่นว่าจะเป็นโครงการที่โดดเด่นน่าสนใจและได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมอย่างแน่นอน”นางสาวเพชรลดากล่าว
สำหรับMAESTRO 39 จะเริ่มเปิดให้จองช่วงพรีเซล ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 นี้เป็นต้นไป