การจัดงานการประชุมนานาชาติด้านชีววิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ASEAN Life Sciences Conference & Exhibition 2013 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 กรกฎาคมนี้นั้น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ TCELS ในฐานะเจ้าภาพหลักในการจัดงานครั้งนี้ ได้จัดเตรียมนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดทางการแพทย์และสุขภาพ ตลอดจนถึงความงาม ซึ่งในงานนี้ไฮไลต์สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือการบรรยาย อนาคตของอายุรวัฒน์ หรือศาสตร์แห่งการชะลอวัย โดย นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ซึ่งเป็นกูรูของศาสตร์ด้านนี้โดยตรง
นายแพทย์กฤษดา กล่าวว่า เวชศาสตร์อายุรวัฒน์คือโมเดลหรือต้นแบบหนึ่งของการแพทย์ยุคต่อไป ที่จะก้าวเข้าสู่อนาคตแห่งสาธารณสุขไทย ที่สามารถตอบโจทย์ความเป็นสากล เป็นการแพทย์เฉพาะบุคคลให้สามารถพึ่งตัวเองได้ ทั้งยังตอบสนองกลุ่มผู้สูงอายุ อาจกล่าวได้ว่า อายุรวัฒน์ เป็นศาสตร์การแพทย์ของคนไทยโดยคนไทยและเพื่อคนไทย
ทั้งนี้ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ได้ร่วมมือกับ TCELS ประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ด้านสุขภาพรวมถึงจัดกิจกรรมวิชาการอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีงานวิจัยดุษฏีนิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ซึ่งมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับปริญญาเอกไปในเวทีวิชาการระดับโลก ดังล่าสุดที่ World Gymnaestrada 2011 โดย ดร.กรุณา นนทรักส์ ศึกษานิเทศน์ระดับ 9 และ น.พ.กฤษดา ณ นครโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ งานวิจัยดังกล่าวเน้นให้คนเป็นหมอด้วยตัวเอง พึ่งตัวเองด้วยทรัพยากรสุขภาพใกล้ตัว ดังนั้นที่ใดที่มีอายุรวัฒน์ที่นั่นก็ย่อมสร้างศูนย์กลางแห่งสุขภาพได้ น.พ.กฤษดา กล่าว
ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวด้วยว่า นอกจากให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางแล้วอายุรวัฒน์ยังเน้นการเป็นต้นแบบแห่งความสุขด้วยหลักการที่เหมาะกับสังคมสุขภาพในอนาคต โดยมุ่งเน้นต้นทุนแห่งความสุขมากกว่าความคุ้มทุนในแง่เศรษฐศาสตร์ เพราะเราเชื่อว่าถ้าที่ใดมีความสุขแล้วที่นั่นก็จะมีสิ่งดีอื่นๆตามมา ซึ่งในอนาคตข้างหน้าก็จะมียุทธศาสตร์และแผนโครงการสุขภาพที่จะสานต่อไปเพื่อให้เมืองไทยเป็น Healthy Medical Hub ตามวัตถุประสงค์ของศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
น.พ.กฤษดา เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์หลักของ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติที่จะดำเนินการในอนาคต มีอยู่ 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.โปรแกรมชะลอชราไทยสไตล์ เป็นการผสานทรัพยากรธรรมชาติของไทยเรากับทั้งไฮเทคและไฮทัชจัดเป็นโปรแกรมที่เฉพาะบุคคลสำหรับการเป็น Medical Hub ทั้งในแง่ Medical tourism และ Ayurawat model รับอาเซียน 2.โปรแกรมอาหารไทยฟังก์ชันต้านชรา รับกับยุคแห่ง เภสัชโภชนา,เวชสำอางค์ และอาหารฟังก์ชัน ที่จะเข้ามาแทนที่อาหารแบบทั่วไปที่รับประทานเพียงให้อิ่ม โดยใช้วัตถุดิบในบ้านเรา 3.อาหารไทยต้านโรค ก้าวต่อไปในเรื่องสุขภาพคือการใช้สารอาหารบำบัดโรค (Nutraceutical) ตามหลักที่ว่ากินอย่างไรได้อย่างนั้น แต่อายุรวัฒน์จะเน้น กินดี อยู่ดีและมีสุขภาพดีด้วยเรื่องง่ายๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยที่มาพร้อมโรคประจำตัว 4.ก้าวสู่โลกของยีนบำบัด หรือ Gene-cell therapy เป็นการใช้ไฮเทคเพื่อก้าวเข้าสู่การทำการแพทย์เฉพาะบุคคลเต็มรูปแบบ โดยมีห้องแล็บรองรับ มีการศึกษาวิจัยรับรอง
ซึ่งทั้ง 4 ยุทธศาสตร์ สามารถทำได้ทั้งในแง่ธุรกิจบริการ,ผลิตภัณฑ์อาหารสด,อาหารเสริม,การเรียนการสอน,การทำวิจัยไปจนถึงต่อยอดความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ยกตัวอย่างเช่น สถาปัตยกรรมศาสตร์ในด้านการสร้างที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับผู้สูงวัยและโรคภัยไข้เจ็บที่เป็น อาทิ คอนโดเกษียณสุข หรือบ้านที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัยที่อาศัย
“กล่าวได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ All for One เพื่อเป้าประสงค์เดียวคือคนไทยที่สุขภาพดีตั้งแต่หัวจรดเท้า กายจรดใจและเรื่อยไปจนถึงจิตวิญญาณ และด้วยความเป็นสากล)ของเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ที่สามารถปฏิบัติได้ไม่ขึ้นกับข้อจำกัดใดๆทำให้สามารถนำไปใช้ได้แบบ One for All สู่เวทีระดับนานาชาติ ไม่เฉพาะแค่อาเซียนเท่านั้นแต่ยังต่อยอดไปได้เป็นการแพทย์ระดับสากลของโลก” กูรูด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับฟังการบรรยาย น.พ.กฤษดา ในวันที่ 18 กรกฎาคม ในงาน ASEAN Life Sciences Conference & Exhibition 2013 ในการบรรยายในหัวข้อดังกล่าว สามารถสอบได้ที่ สายด่วน 1313 โทร. 02-6445499 หรือที่ www.facebook.com/tcelsfan
ติดต่อ:
www.tcels.or.th,www.facebook.com/tcelsfan , 02-6445499