นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ และนโยบายทางด้านเศรษฐกิจใหม่ของญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายชินโซ อาเบะ จากพรรคเสรีประชาธิปไตยนั้น ประเทศญี่ปุ่นเริ่มผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐบาล และให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น ออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินเข้มข้นขึ้น โดยการเสริมงบประมาณ 10.3 ล้านล้านเยน และญี่ปุ่นยังดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำสนับสนุนให้ค่าเงินเยน (JPY) อ่อนค่า เพื่อช่วยส่งเสริมบรรยากาศและความมั่นใจในการลงทุนของประเทศญี่ปุ่นให้กลับคืนมา
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นในปีนี้ จะเติบโตมากกว่า 30% และคาดว่าการเติบของกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS growth) จะอยู่ที่ 20% ด้านมุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ราคาหุ้นญี่ปุ่นอยู่ในระดับน่าสนใจ เพราะยังซื้อขายอยู่ในระดับต่ำที่อัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV ratio) ที่ 1.6 เท่า ในขณะที่ผลการดำเนินการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างชัดเจนในปี 56 ด้านดัชนี Nikkei 225 ปัจจุบันได้ปรับตัวลดลงมาประมาณ 10% จากระดับสูงสุดของปีนี้ที่ประมาณ 15,630 จุด มาอยู่ที่ระดับ 14,500 จุด ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่าในปีนี้ ดัชนี Nikkei 225 มีโอกาสปรับตัวขึ้นอยู่เหนือระดับ 16,000 จุด ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับดัชนีก่อนที่จะเกิดวิกฤต Subprime ในปี 2008 แต่อาจมีความผันผวนบ้าง แต่ด้วยอุปสงค์ในญีปุ่นที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการเพิ่มสภาพคล่องของธนาคารกลางญี่ปุ่นจะส่งเสริมตลาดอสังหาริมทรัพย์และความแข็งแกร่งของรัฐบาลในการผลักดันมาตรการเศรษฐกิจต่าง ๆ และผลการเลือกตั้งสภาบนของญี่ปุ่นในช่วงเดือน ก.ค. จะสามารถผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปได้ และเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ดังนั้น ระหว่างวันนี้-25 กรกฎาคม 2556 บริษัทฯ จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ 6 (ASP-STARS6) ที่ลงทุนในกองทุน Nikkei 225 Exchange Traded Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งเป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 บริหารจัดการโดย Nomura Asset Management และกองทุนมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 7%* ภายใน 7 เดือนแรก ด้วยวิธีรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ปรับขึ้นผ่านระดับ 10.70 บาท จากราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท ทั้งนี้ หากไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ภายใน 5 เดือนหลัง กองทุนจะเลิกกองทุนเมื่อ NAV ปรับผ่านระดับ 10.50 บาท จากราคาเริ่มต้น ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าในสภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่อยู่ในระดับปัจจุบันมีโอกาสเป็นจริงได้ เนื่องจาก คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำของรัฐบาล
นางลดาวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่บริษัทฯ เลือกลงทุนอ้างอิงกับดัชนี Nikkei 225 เนื่องจาก เป็นดัชนีที่ทั่วโลกนิยมใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ในการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดย Nikkei 225 เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นญี่ปุ่น 225 ตัวแรก ที่จดทะเบียนใน Tokyo Stock Exchange First Section (TSE1) ที่มีสภาพคล่องสูงและเป็นตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมหลักในญี่ปุ่น ดังนั้น Nikkei 225 จึงเป็นดัชนีที่สามารถสะท้อนการเจริญเติบโตของบริษัทเอกชนในประเทศญี่ปุ่นได้ดีที่สุด และสาเหตุที่เลือกลงทุนในกองทุน Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งบริหารจัดการโดย Nomura Fund Management เพราะเป็นกองทุน ETF หุ้นญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 1.43 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 4.78 แสนล้านบาท โดย ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2556 กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Electric appliances) ประมาณ 16% กลุ่มค้าปลีก (Retail trade) ประมาณ 12% กลุ่มข้อมูลและการสื่อสาร (Information and communication) ประมาณ 11% กลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง (Transportation equipment) ประมาณ 8% และกลุ่มเวชภัณฑ์ (Pharmaceutical) ประมาณ 6% และมีผลการดำเนินงานใกล้เคียงกับดชันี Nikkei 225 โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 10.4% ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 10.3% และ 6 เดือนย้อนหลังอยู่ที่ 32.6% ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 31.6%
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
*ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดเป้าหมายที่เป็นเหตุให้เลิกโครงการเท่านั้น ไม่ใช่การประมาณการหรือการรับประกันผลตอบแทน และภายใน 5 เดือนหลัง กองทุนจะเลิกกองทุนเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุน ? 10.50 บาท จากราคาเริ่มต้น