นายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ปัจจุบันอายุ 56 ปี พื้นฐานจบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการเงินและการธนาคาร จาก San Diego State University ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านประสบการณ์ด้านแวดวงตลาดเงินตลาดทุนมากกว่า 20 ปี ในองค์กรระดับสากล โดยเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท และบริหารจัดการธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย เป็นผู้บริหารบริษัทต่างประเทศ อาทิ ประธานCONTINENTAL MONEY MARKET, San Diego, CA, U.S.A. บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาทางด้านการลงทุน และ ผู้ช่วยผู้จัดการ M.L.STERN SECURITIES, SAN DIEGO, CA, U.S.A. รับผิดชอบงานขายตราสารการออมเงิน นอกจากนี้ยังเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงฝ่ายวาณิชธนกิจ ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ ธนาคารเอเชีย และดูแลรับผิดชอบการพัฒนาธุรกิจด้านตราสารการเงิน ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นิธิภัทร และมีประสบการณ์เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเฟสชันแนล แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูให้กับบริษัทที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงเป็นกรรมการบริษัท ไทยซูริค ประกันภัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางด้านการลงทุน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสภาวะการลงทุนในตลาดทุนและตลาดเงิน
ก่อนที่จะได้รับการร้องขอให้มาช่วยฟื้นฟูแก้ปัญหาภายในองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)ในตำแหน่งผู้อำนวยการ ซึ่งอยู่บริหารงานจนครบวาระ ในช่วงระหว่างปี 2552-2554 โดยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแผนการลงทุน สร้างกลไกด้านการตลาดสินค้าเกษตรเชื่อมโยงเครือข่ายกับเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร และจัดตั้งตลาดกลางเพื่อเป็นแหล่งกลางในการซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร
“จากประสบการณ์ตรงของผมที่คลุกคลีในแวดวงการเงินมากกว่า 20 ปีทั้งในองค์กรระดับสากล และยังมีประสบการณ์เข้าไปฟื้นฟูแก้ปัญหากับหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ผมเข้าใจและสามารถผสมผสานการบริหารงานได้ทั้งสองมิติ ผมจึงมั่นใจว่า จะสามารถช่วย เอสเอ็มอีแบงก์ ให้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูของธนาคาร และบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อพลิกฟื้นธนาคารแห่งนี้ให้กลับมาแข็งแกร่ง เป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ต่อไป” นายมนูญรัตน์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ ยังกล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนผมอย่างเต็มที่ เพื่อให้การบริหารจัดการเกิดผลเร็วที่สุด โดยจะยึดเป้าหมายตามแผนฟื้นฟูที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบเป็นหลัก ส่วนงานเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการทันทีเนื่องจากปีนี้เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปีเท่านั้นคือ ต้องเข้าไปดูแลลูกค้าทุกรายอย่างใกล้ชิด รายไหนเริ่มสะดุดต้องรีบเข้าไปช่วยก่อนจะเป็นหนี้เสีย ส่วนรายไหนเป็นลูกค้าชั้นดีต้องการเพิ่มวงเงินก็ต้องรีบดำเนินการ สำหรับสินเชื่อรายใหม่ให้เร่งปล่อยทั้งรายย่อยและรายกลาง โดยจะปรับปรุงกระบวนการอนุมัติให้เร็วขึ้น ส่วนหนี้ NPLs เราจะให้โอกาสเต็มที่กับลูกค้าที่มาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หากไม่มาก็จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายตามขั้นตอน หลังจากนี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากคุยกับผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ รวมถึงสหภาพแรงงานแล้ว จะแถลงข่าวรายละเอียดแผนปฏิบัติทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง