นายอีริค ซีโต ผู้จัดการทั่วไป จ็อบสตรีทดอทคอม ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แสดงทัศนะว่า “ความท้าทายหนึ่งขององค์กรส่วนใหญ่ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันก็คือ การแข่งขันช่วงชิงคนเก่งในตลาดแรงงานเข้ามาอยู่ในองค์กร หลายองค์กรจึงหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์ หรือ การสร้างแบรนด์ เพื่อให้คนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อองค์กรและอยากร่วมงานในที่สุด ในขณะเดียวกันผู้หางานเองก็ต้องการข้อมูลที่มากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจสมัครงานกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง”
จ็อบสตรีทดอทคอมตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวทั้งในแง่มุมของผู้หางานและนายจ้าง จึงได้เปิดตัว ริชเชอร์ จ็อบ แอดส์ (Richer Job Ads) ขึ้นเป็นครั้งแรก ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ริชเชอร์ จ็อบ แอดส์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้หางานสามารถเลือกงานจากบริษัทต่างๆ ในอัตราเงินเดือนที่ตนพอใจได้ทันที และสามารถดูรีวิวพร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับงาน, ที่ตั้งบริษัท, และข้อมูลเชิงลึกของบริษัทก่อนตัดสินใจยื่นใบสมัคร
“เราได้สอบถามจากผู้หางานจำนวนมาก ว่าข้อมูลใดสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกสมัครงาน ซึ่งพบว่า นอกจากเงินเดือนและตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ทำงานแล้ว พวกเขายังอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทด้วย ทั้งนี้ ริชเชอร์ จ็อบ แอดส์ จะทำให้ผู้หางานเสมือนได้เห็นสภาพแวดล้อมการทำงานที่แท้จริงผ่านรูปถ่ายและวิดีโอ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรต่างๆ อาทิ ระเบียบการแต่งกาย เวลาทำงาน และภาษาที่ใช้ ความสามารถเหล่านี้อำนวยประโยชน์แก่ผู้หางานในการทำความเข้าใจงานที่ตนสนใจได้ดียิ่งขึ้น ในคราวเดียวกันก็ยังช่วยให้นายจ้างคัดกรองผู้สมัครที่จริงจังและมีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการได้มากขึ้นด้วย” นายอีริค กล่าวเพิ่มเติม
ในส่วนของนายจ้างจ็อบสตรีทดอทคอมได้เก็บผลสำรวจความคิดเห็นจากองค์กรจำนวน 227 บริษัท พบว่า 43% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถามเคยใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คในการสรรหาบุคลากร โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการประกาศตำแหน่งงานว่าง และสร้างแบรนด์องค์กรไปพร้อมๆ กัน และเมื่อสอบถามถึงการเลือกใช้ช่องทางในการสรรหาบุคลากร ร้อยละ 91 ของบริษัทที่ร่วมทำแบบสอบถามยังคงใช้และมีแนวโน้มที่จะใช้เว็บหางานในการลงโฆษณาตำแหน่งงานว่าง ในขณะที่ ร้อยละ 49 จะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค และองค์กรที่มีแผนจะลงโฆษณาตำแหน่งงานว่างในสื่อสิ่งพิมพ์ คิดเป็น ร้อยละ 21
ช่องทางที่ผู้หางานเลือกใช้ ช่องทางที่องค์กรเลือกใช้
ร้อยละ 85 เว็บไซต์หางาน ร้อยละ 91 เว็บไซต์หางาน
ร้อยละ 38 เพื่อนหรือคนรู้จัก ร้อยละ 89 พนักงานแนะนำคนรู้จัก
ร้อยละ 36 เว็บไซต์บริษัทที่ต้องการสมัครงาน ร้อยละ 74 ประกาศผ่านเว็บไซต์ของบริษัท
ร้อยละ 16 โซเชียลเน็ตเวิร์ค ร้อยละ 49 โซเชียลเน็ตเวิร์ค
นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด เผยข้อมูลส่วนแบ่งทางการตลาดในการลงโฆษณาประกาศตำแหน่งงานว่า “จากการเก็บข้อมูลจำนวนตำแหน่งงานที่ลงโฆษณาบนเว็บไซต์สมัครงานและสื่อดั้งเดิมอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ ย้อนหลังไป 3 ปี พบว่า แนวโน้มการลงโฆษณาตำแหน่งงานว่างบนเว็บไซต์หางานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การลงประกาศในสื่อสิ่งพิมพ์มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ในปี 2010 ระดับภูมิภาคเอเชียอาคเนย์มีส่วนแบ่งทางการตลาด สื่อออนไลน์ : สื่อสิ่งพิมพ์ คิดเป็น 70:30 ปัจจุบันอัตราส่วนเปลี่ยนไปเป็น 91:9 ตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดระหว่างช่องทางลงประกาศตำแหน่งงานบนเว็บไซต์สมัครงานออนไลน์กับสื่อสิ่งพิมพ์มีตัวเลขที่ห่างกันมาก ซึ่งในจุดนี้สื่อดั้งเดิมอย่างสิ่งพิมพ์คงไม่ใช่คู่แข่งที่ท้าทายสำหรับธุรกิจเว็บไซต์หางานอีกต่อไป”
นางสาวฐนาภรณ์ กล่าวว่า “ถึงแม้โซเชียลเน็ตเวิร์คจะมีการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่องทางที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น แต่ยังคงไม่ใช่กระแสหลักของกิจกรรมการหางาน และการสรรหาบุคลากรในองค์กรในขณะนี้ จากผลสำรวจของบริษัท เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด เกี่ยวกับพฤติกรรมการหางานของคนทำงานช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า ช่องทางที่คนทำงานใช้ในการหางานปัจจุบัน ส่วนใหญ่ยังคงเข้าเว็บไซต์หางาน คิดเป็นร้อยละ 85 รองลงมาคือ ร้อยละ 38 บอกต่อเพื่อนหรือคนรู้จัก อีกร้อยละ 36 เข้าเว็บไซต์บริษัทที่ต้องการสมัครงานมีเพียงร้อยละ 16 ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ศรินยา เปรมปรีชากุล
บริษัท จัดหางาน จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์: 02-769-9399 ต่อ 403
โทรสาร : 02-717-1004
Email: [email protected]