นายวิรัตน์ สมัครพงศ์ ประธานกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ประธานในพิธี กล่าวว่า กฟก. มีภารกิจหลัก 2 ด้าน คือด้านการจัดการหนี้ของเกษตรกร และด้านฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกร ในปัจจุบันมีองค์กรเกษตรกรประมาณ 52,000 องค์กร สมาชิกประมาณ 5.9 ล้านคน การจัดทำระบบฐานข้อมูลเพื่อรองรับการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินและการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพของเกษตรกรนับเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงได้ประสานขอความร่วมมือกับ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อนำข้อมูลเกษตรกรเข้าตรวจสอบกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานตามภารกิจหลัก เช่นการรับขึ้นทะเบียนสมาชิกองค์กรเกษตรกร การปรับปรุงข้อมูลสมาชิก การตรวจสถานะความมีอยู่จริงของสมาชิกให้เป็นปัจจุบันทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้านนายสมยศ ภิราญคำ รองเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวว่า บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการขอใช้ประโยชน์ข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ โดยวิธี Batch Processing ,วิธี Onlineและการขอใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแบบ 13 หลักนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเพราะจะทำให้การตรวจสอบความมีอยู่จริงทำได้สะดวกยิ่งขึ้นการขึ้นทะเบียนสมาชิกใหม่เพียงนำข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชน (Smart card) มาใช้ ก็จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้ยังสะดวกต่อการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้แทนเกษตรกรด้วย
“ บันทึกข้อตกลงฉบับนี้จะทำให้ กฟก. สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลทะเบียนราษฎร ที่สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ได้รวบรวมจัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ มาใช้พิสูจน์ยืนยันตัวสมาชิกเกษตรกรหรือบุคคลที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกเกษตรกรได้ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลสมาชิก ผู้ค้ำประกัน เจ้าของหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทายาท ผู้กู้ร่วม พยาน คู่สมรส ของสมาชิกเกษตรกรหรือผู้รับผลประโยชน์และเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการจัดทำนิติกรรมสัญญาตามภารกิจของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ” นายสมยศกล่าว