อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์และความสามารถของคณะผู้บริหารของบริษัทในการขยายปริมาณสินทรัพย์ให้เช่าได้อย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงระบบการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตและการบริหารมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์ให้เช่าที่เข้มงวดซึ่งทำให้บริษัทสามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและมีรายได้จากกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้เช่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความต้องการของบริษัทเอกชนในการใช้บริการรถเช่าที่เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกบั่นทอนจากการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งยังคงเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ให้เช่าจากการกู้ยืมที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตจะทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลง
บริษัทภัทรลิสซิ่งยังคงรักษาสถานะผู้นำในตลาดเช่าดำเนินงานรถยนต์เอาไว้ได้โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ให้เช่ารวมของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 30 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง บริษัทให้บริการเช่าดำเนินงานและเช่าทางการเงินแก่ลูกค้านิติบุคคลที่เป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ณ สิ้นปี 2555 บริษัทมีสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิที่ระดับ 7,875 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 6,579 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 ในขณะที่ลูกหนี้สินเชื่อให้เช่าการเงินอยู่ที่ระดับ 1,487 ล้านบาท เทียบกับ 1,458 ล้านบาทในปี 2554 สินทรัพย์ให้เช่าสุทธิปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 8,184 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 ในขณะที่ลูกหนี้สินเชื่อให้เช่าการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 1,593 ล้านบาท
การมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศช่วยเพิ่มระดับความสามารถของบริษัทในการให้บริการแก่ลูกค้ารายใหญ่ การพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ให้ประโยชน์แก่บริษัทจากการประหยัดต่อขนาด แต่ก็ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงสูงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้าทั้งในด้านการผิดนัดชำระหนี้และการพึ่งพิงรายได้จากลูกค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้บรรเทาลงจากการที่ลูกค้ารายใหญ่มีคุณภาพเครดิตที่ค่อนข้างดี บริษัทมีความพยายามในการกระจายฐานลูกค้าซึ่งสะท้อนจากการเปลี่ยนแปลงในการกระจุกตัวของฐานลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 20 ราย เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงานและสินเชื่อคงค้างภายใต้สัญญาเช่าการเงินแล้วปรากฏว่าลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกคิดเป็นสัดส่วน 36.3% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 55.9% ในปี 2552 นอกจากนี้ ลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 20 รายของบริษัทยังกระจายตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นด้วย
หลังจาก บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปี 2549 แล้ว ตัวแทนของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตซึ่งเข้ามามีบทบาทโดยผ่านช่องทางคณะกรรมการบริษัทก็ได้ให้การสนับสนุนความพยายามในการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงของบริษัท ทั้งนี้ ระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้เมื่อมีการขยายธุรกิจไปสู่สินทรัพย์ประเภทอื่นซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์ประเภทรถยนต์ ความพยายามดังกล่าวสะท้อนจากความสามารถในการรักษาระดับอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระเกิน 90 วัน) ให้อยู่ในระดับต่ำ และ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 บริษัทก็ไม่มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งในส่วนสัญญาเช่าดำเนินงานหรือสัญญาเช่าการเงินแต่อย่างใด
บริษัทมีกำไรสุทธิ 241 ล้านบาทในปี 2555 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 201 ล้านบาทในปี 2554 ผลการดำเนินงานในปี 2554 ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับสัญญาเช่าการเงินของบริษัท การเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ผ่านมาได้ลดประโยชน์ทางภาษีที่บริษัทได้รับจากสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ผลกระทบจากประเด็นทางภาษีดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น 61 ล้านบาทในปี 2554 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับประโยชน์จากการกลับรายการค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญซึ่งมีมูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ระดับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญก็ยังอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอเมื่อเทียบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีของบริษัท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในปี 2555 จาก 2.3% ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนก่อนภาษีเงินได้และค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญแล้ว อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันที่รุนแรงทั้งในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์และเช่าการเงินคาดว่าจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การแข่งขันที่รุนแรงจะเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในระยะกลาง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทใช้เงินทุนจากการกู้ยืมในการขยายฐานสินทรัพย์เป็นหลัก โดย ณ สิ้นปี 2555 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 4.0 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 3.4 เท่าในปี 2554 และ 2.9 เท่าในปี 2553 และจากที่คาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจึงคาดว่าจะยังคงถดถอยลง ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถปรับเพิ่มระดับผลประกอบการและควบคุมอัตราส่วนหนี้สินได้ ทั้งนี้ บริษัทได้พยายามรักษานโยบายการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่เข้มงวดด้วยการบริหารอายุของหนี้ผ่านการกู้ยืมระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของสัญญาเช่าสินทรัพย์
บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
PL163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
PL16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
PL172A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable