ในวันที่ 31 กรกฎาคม2556 นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำมันดิบรั่ว ลงทะเล รวมถึงหารือเตรียมการแก้ไขสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันดิบเข้าป้อนโรงกลั่นน้ำมัน (PTTGC และ SPRC)
จากเหตุการณ์ท่อน้ำมันรั่วที่ทุ่นรับจ่ายน้ำมันห่างจากชายฝั่งจังหวัดระยอง ประมาณ20กิโลเมตร (เมื่อวันที่ 27 ก.ค.56 เวลา 06.50 น.) ทำให้โรงกลั่นไม่สามารถใช้งานทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM: Single Point Mooring) ในการรับน้ำมันเข้าสู่โรงกลั่นได้ โดยมีโรงกลั่นที่ได้รับผลกระทบ คือ โรงกลั่น PTTGC ซึ่งมีกำลังการกลั่น 145,000 บาร์เรลต่อวัน และโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม ซึ่งมีกำลังการกลั่น 150,000 บาร์เรลต่อวัน โดยในเบื้องต้นโรงกลั่นทั้งสองแห่งมีปริมาณน้ำมันสำรองทางกฎหมายที่สามารถใช้ได้แห่งละ 18 วัน และยังมีในส่วนของ Working stock ที่สามารถนำมาใช้ได้ในช่วงที่ยังไม่มีการขนถ่ายน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานมีมาตรการรองรับ อาทิ การผ่อนผันให้โรงกลั่นทั้งสองแห่งนำน้ำมันสำรองตามกฎหมายออกมาใช้ นอกจากนี้ ทาง ปตท.ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าได้ทำการซ่อมแซม ท่อน้ำมันที่ได้รับความเสียหายเรียบร้อยแล้ว และจะบริหารจัดการการจัดหาน้ำมันดิบไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า “ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานติดตามสถานการณ์การจัดหาและสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปที่โรงกลั่นน้ำมันทั้งสองแห่งที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด รวมถึงใช้มาตรการตามกฎหมายในการผ่อนผันการสำรองน้ำมันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงป้อนเข้าสู่โรงกลั่นในประเทศ และได้ให้กรมธุรกิจพลังงานตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลดังกล่าวด้วย รวมทั้งได้เร่งรัดให้ พีทีทีโกลบอลเคมิคอล ทำการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณอ่าวพร้าว อันเนื่องมาจากการปนเปื้อนของคราบน้ำมันในทะเลให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว”