นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการรับฟังสถานการณ์เหตุการณ์น้ำมันรั่ว การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมประมง และรับฟังปัญหาของชาวประมง พร้อมทั้งลงเรือตรวจการประมง ตรวจพื้นที่บริเวณน้ำมันรั่วที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ว่า ในส่วนที่ชาวประมงพื้นบ้านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยองได้จัดตั้งศูนย์ฯ เพื่อรับเรื่องแล้ว ยังได้สั่งการให้ประมงจังหวัดเร่งสำรวจและเก็บข้อมูล เพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาชาวประมงพื้นบ้านอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ได้กำชับให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำ ตัวอย่างดิน และตัวอย่างสัตว์น้ำ ทุกวัน จากแหล่งพาดผ่านของคราบน้ำมัน และจากแหล่งเพาะเลี้ยงใกล้เคียง เพื่อนำไปวิเคราะห์สารปนเปื้อน และเฝ้าระวังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายหรือจนกว่าจะแน่ใจถึงความปลอดภัย รวมทั้งการแจ้งเตือนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยวสัตว์น้ำในพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบ ให้เฝ้าระวังคุณภาพน้ำและสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด
นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับบริเวณพื้นที่ที่กรมประมงได้วางปะการังเทียมไว้ 5 แห่งนั้น ได้เร่งรัดให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กำหนดแผนดำน้ำเพื่อสำรวจลักษณะทางกายภาพ และระบบนิเวศของปะการังเทียมที่อยู่ในแนวที่คราบน้ำมันพาดผ่าน เพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว
นายศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในการลงเรือตรวจการประมง เพื่อตรวจพื้นที่บริเวณน้ำมันรั่วที่อ่าวพร้าว ได้มีการปฎิบัติงานเก็บและวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ดิน และสัตว์น้ำที่ได้จาการทำประมงพื้นบ้านในแหล่งพาดผ่านของคราบน้ำมัน ซึ่งจากการตรวจดูลักษณะทางกายภาพและสัมผัสกลิ่นไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด พร้อมนี้ให้นำตัวอย่างดังกล่าวไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการด้วย ทั้งนี้ หากพบว่าไม่มีสารปนเปื้อน จะได้นำผลการวิเคราะห์ดังกล่าวมาสนับสนุน ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อสภาวะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรประมง เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชาวประมงในพื้นที่ต่อไป