รมว.ทส. มอบนโยบายกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเน้นรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมรับมือภัยแล้ง-น้ำท่วม และสร้างการมีส่วนร่วมบริหารจัดการน้ำบาดาลกับประชาชน

จันทร์ ๐๕ สิงหาคม ๒๐๑๓ ๑๗:๑๐
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2556 เวลา 10.00 น. นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมมอบนโยบาย แก่คณะผู้บริหาร ข้าราชการและพนักงานของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ให้บริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ พร้อมกำชับให้เตรียมแผนแนวทางการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วม รวมทั้งสร้างระบบการทำงานให้ใกล้ชิดกับภาคประชาสังคมตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ โดยเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำบาดาลที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการให้มากที่สุด

ทั้งนี้ นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมด้วยรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 2 ท่าน คือ นายสัมฤทธิ์ ชุษณะทัศน์ และนายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลร่วมให้การต้อนรับนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้บรรยายสรุปภารกิจหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และรายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญในปีงบประมาณ 2556 ประกอบด้วย

1) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ จำนวน 457 แห่ง งบประมาณ 633 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 2,547 แห่ง

2) โครงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านหาน้ำยากทั่วประเทศ จำนวน 650 แห่ง งบประมาณ 156 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 3,115 แห่ง

3) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 31 แห่ง งบประมาณ 484 ล้านบาท

4) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 77 พื้นที่ งบประมาณ 72 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2548 ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 479 พื้นที่

สำหรับแผนการดำเนินงานที่สำคัญในปีงบประมาณ 2557 กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รับงบประมาณ ดังนี้

1) โครงการจัดหาน้ำสะอาดให้กับหมู่บ้านหาน้ำยากทั่วประเทศ จำนวน 683 แห่ง งบประมาณ 164 ล้านบาท

2) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ จำนวน 700 แห่ง งบประมาณ 753 ล้านบาท ประกอบด้วย 2 รูปแบบ เพื่อรองรับโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมากกว่า 300 คนขึ้นไป จำนวน 200 แห่ง และโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 100 คน จำนวน 500 แห่ง

3) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 1,285 แห่ง งบประมาณ 523 ล้านบาท ประกอบด้วย 2 รูปแบบ เพื่อรองรับพื้นที่ขนาด 100 ไร่ จำนวน 40 แห่ง และพื้นที่ ขนาด 30 ไร่ จำนวน 1,245 แห่ง

หลังจากนั้น นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กล่าวมอบนโยบายแก่คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหลักในการทำงาน คือ ทำงานด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ บริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และประสาน การทำงานระหว่างหน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนอกจาก จะมีการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาลแบบบูรณาการเป็นเขตน้ำบาดาลหรือแอ่งน้ำบาดาล รวม 27 แอ่ง ทั่วประเทศแล้ว ยังมีภารกิจหลักด้านการสำรวจและประเมินศักยภาพแหล่งน้ำบาดาล การพัฒนาแหล่ง น้ำบาดาล การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล รวมถึงการกำกับดูแลการประกอบกิจการน้ำบาดาลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 สามารถขยายผลหรือต่อยอดเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการใช้น้ำบาดาลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ดังนั้น จากการที่กรมทรัพยากร น้ำบาดาลได้รับงบประมาณให้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่องนั้น แสดงให้เห็นว่าศักยภาพของแหล่งน้ำบาดาลทั่วประเทศยังสามารถพัฒนาขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้อีกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับบุคลากรของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่ว่าจะเป็นสายวิชาการหรือสายงานสนับสนุนสามารถประสาน ความร่วมมือในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยจะต้องมีแผน ในภาพรวมที่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภายในสังกัดกระทรวงและหน่วยงานภายนอกกระทรวงด้วย

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำชับในเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือภัยพิบัติด้านน้ำไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งหรืออุทกภัย ซึ่งได้ให้นโยบายเร่งด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วเพื่อวางระบบแจ้งเตือนและป้องกันภัยพิบัติ โดยใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบล่วงหน้า โดยทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสามารถบูรณาการข้อมูลและระบบสารสนเทศร่วมกันได้ และในกรณีที่เหตุการณ์ภัยพิบัติด้านน้ำเกิดขึ้นแล้ว จะต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด พร้อมกันนี้ขอให้มีการสร้างระบบการทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคประชาสังคมตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ โดยเปิดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำบาดาลที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการให้มากที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO