นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวดไตรมาสที่ 2/2556 (เมษายน-มิถุนายน 2556) และงวดสะสม 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมประจำงวดไตรมาสที่ 2/2556 จำนวน 1,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 934 ล้านบาท หรือร้อยละ 122 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 768 ล้านบาท ส่งผลให้ในงวดสะสม 6 เดือน บริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 3,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,462 ล้านบาท หรือร้อยละ 92 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,592 ล้านบาท
โดยในงวดไตรมาสที่ 2/2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 37 ล้านบาท หรือร้อยละ 110 จากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 34 ล้านบาท ในขณะที่งวดสะสม 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97 ล้านบาท หรือร้อยละ 205 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 47 ล้านบาท สำหรับรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายงานด้านการตลาดและการส่งมอบงานที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นบ ริษัทฯ ยังได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าซึ่งยังไม่ได้ส่งมอบงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีมูลค่าทั้ง สิ้นมากกว่า 1,520 ล้านบาท
“ผลงานที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นทั้งงวดไตรมาสที่ 2/2556 และงวด 6 เดือนแรกของปี ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ MFEC GROUP ที่รวมเอาบริษัทฯ ที่มีคุณสมบัติเป็นเลิศในแต่ละด้านมารวมไว้ด้วยกัน ทำให้การขยายธุรกิจ และการรองรับการแข่งขันเป็นไปอย่างคล่องตัว โดยธุรกิจสามารถทำได้อย่างครบวงจร ทำงานและส่งมอบงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นการเติบโตที่มีความต่อเนื่องได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น”
นายศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ บริษัทฯได้เตรียมพัฒนาระบบ Software และ Solutions ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับตลาดไอทีที่ขยายตัว ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่บริษัทฯ จะรับงานในโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น จากความได้เปรียบของ MFEC GROUP ที่กลายเป็นองค์กรไอทีขนาดใหญ่ระดับแนวหน้าของไทย มีความพร้อมทั้งเรื่องบุคลากร ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ และมีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของตัวเอง จึงได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในวงกว้างดังกล่าว