นายสุระ กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ร่วมกับคณะสงฆ์ องค์การศาสนาทั้ง 5 ศาสนา รวมทั้งองค์กรภาครัฐ ได้ร่วมใจกันจัดพิธีทางศาสนา และจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อถวายเป็นพะราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ รวมทั้งจัดงานรวมพลังทางศาสนาในครั้งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา เพื่อแสดงความจงรัดภักดีต่อพระองค์ และเสริมสร้างให้ประชาชนในชาติได้เกิดความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกันได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีความเข้าใจ แม้จะต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา และต่างวัฒนธรรม รวมทัั้งทำให้เกิดความสามัคคี และความสมานฉันท์ของประชาชน อันจะก่อให้เกิดความสันติสุขขึ้นในประเทศชาติ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศว่า ประเทศไทยให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา ไม่เคยรังเกียจศาสนิกชนต่างศาสนา และไม่มีความขัดแย้งกันในเรื่องศาสนา แต่ในทางกลับกันศาสนิกชนทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกันได้อย่างปรกติสุข ทั้งนี้ เพราะคนไทยมีพ่อแม่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจเดียวกัน คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตลอดถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
นายปรีชา กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ มีผู้นำทางศาสนทั้ง 5 ศาสนา ได้มาประกอบพิธีตามหลักธรรมทางศาสนา เพื่อถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดแสดงนิทรรศนาเฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การฉายวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ "พระแม่เจ้าของชาวไทย" การร้องเพลง "สมานฉันท์สู่สันติ" ของผู้แทนเยาวชน 5 ศาสนา พิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้แทนเยาวชน 5 ศาสนา การแสดงปาฐกถา โดยพระพรหมบัณฑิต การเสวนา เรื่อง "โลกร่มเย็นด้วยพลังทางศาสนา" โดยผู้นำองค์กรศาสนา 5 ศาสนา ซึ่งเป็นการเสวนาที่นำมิติทางศาสนามาเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทย