ด้วยการออกแบบที่เรียบหรู อาคารศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ จึงได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านการออกแบบในปี พ.ศ. 2527 และภายในอาคาร 4 ชั้นบนพื้นที่ 42,000 ตารางเมตรนี้ จัดแบ่งเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้านานาประเภทกว่า 200 ร้าน โดยพื้นที่ชั้น 3 — 4 เป็นที่ตั้งของศูนย์ศิลปะและโบราณวัตถุที่กล่าวได้ว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งรวมผู้ค้าของเก่าที่ทรงภูมิความรู้เป็นที่ยอมรับกว่า 100 ร้านค้า และมีการประมูลศิลปะและโบราณวัตถุอย่างต่อเนื่องทุกเดือนนับตั้งแต่เปิดดำเนินการเป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. 2543 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ได้ปรับปรุงการตกแต่งภายในและพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติม โดยเพิ่มท่าเทียบเรืออีก 1 ท่า รวมเป็นท่าเทียบเรือ 3 ท่า เพื่อขยายบริการการท่องเที่ยวทางน้ำให้ครบวงจรยิ่งขึ้น และเพื่อรองรับธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศที่มีการขยายตัว รวมทั้งเพิ่มบริการเรือรับ-ส่งจากท่าเรือสาทรมายังท่าเรือริเวอร์ซิตี้ในปี พ.ศ. 2549 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่เดินทางโดยใช้บริการรถไฟฟ้า BTS รวมทั้งลูกค้าจากโรงแรมรอบข้าง
ต่อมาบริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจศูนย์การค้าจึงได้ลงทุนกว่า 320 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2553 เพื่อปรับปรุงพื้นที่ครั้งใหญ่ให้ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าซึ่งต้องการสินค้าหลากหลายประเภท แต่ยังคงเอกลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะตน จึงวางตำแหน่งใหม่ให้กับศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ให้เป็น The Picturesque Shopping Center เพื่อให้เป็นที่สุดของศูนย์การค้าริมน้ำแห่งเดียวที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย มีเอกลักษณ์ มีคุณภาพสูง ครบครันด้วยความหลากหลายของสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับตกแต่ง เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพในการจับจ่ายสินค้าและบริการ รวมทั้งสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้เข้ามาใช้บริการ และเป็นศูนย์การค้าริมน้ำที่รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้ามีระดับทั้งชาวไทยและต่างชาติ และเป็นศูนย์การค้าแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยเหนือสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์