นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งทางทะเลและทางบกระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท เซจ แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วนั้น ขณะนี้ ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ ของซีออยล์แล้ว โดยบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนเตรียมการกระจายหุ้นต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 3.00 — 3.50 บาท และกำหนดระยะเวลาจองซื้อระหว่างวันที่ 26 — 29 สิงหาคม 2556
ทั้งนี้ ซีออยล์มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และมีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งเห็นได้จาก 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้เติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2553 — 2555 อยู่ที่ 31.50% ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ย 50.86% ต่อปี และมีอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นไตรมาส 2 ปี 2556 ROE ของบริษัทฯ สูงถึง 40.51% ประกอบกับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้ 1,322.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันเมื่อปีก่อน และมีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 41.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.15% อีกทั้ง บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2556 บริษัทฯ มี D/E อยู่ที่ 1.00 เท่า ลดลงจาก 1.57 เท่า ในปี 2553
ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นให้กับลูกค้าทางทะเล รวมถึงการจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นให้แก่ลูกค้าทางบก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากธุรกิจจัดหาอาหาร วัตถุดิบ และให้บริการอื่นๆ แก่ที่พักอาศัยในทะเล เรือเดินทะเล และแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในทะเล (Supply Management) อีกด้วย
“เรามั่นใจในศักยภาพการเติบโตของซีออยล์มาก จากผลงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา และโอกาสในการเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ตามแผนงานของบริษัทฯ จากการขยายตัวของปริมาณขนส่งทางน้ำรวมของประเทศ ปริมาณการเติบโตของเรือจดทะเบียนในประเทศที่เติบโตสูง และการขยายตัวของอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในทะเล การระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก” นางสาวพัชพร กล่าว
นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม กรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL กล่าวว่า ปัจจุบันถือว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ โดยมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแผนในการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อไปในอนาคต จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 15 ปี ทั้งด้านความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของคุณภาพสินค้าและบริการ โดยบริษัททำการจัดหาน้ำมันจากผู้ผลิต/ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ อาทิ ปตท. บางจาก เชลล์ เชฟรอน ไออาร์พีซี ไทยออยล์ เป็นต้น
นอกจากนี้ การขายน้ำมันของบริษัทฯ มีลักษณะที่จะต้องได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้วเท่านั้น จึงจะทำการสั่งซื้อน้ำมันไปยังผู้ผลิตหรือผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ทำให้ไม่มีการสำรองน้ำมัน บริษัทฯ จึงไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของราคาน้ำมัน ประกอบกับการกำหนดราคาขายน้ำมันด้วยวิธี Cost plus margin ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถทำกำไรจากน้ำมันที่ขายได้ทุกหยด
“บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขยายธุรกิจทั้งจากการเพิ่มยอดขายของกลุ่มลูกค้าเดิมและรายได้เพิ่มเติมจากกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ โดยการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน รวมถึงขยายการจำหน่ายน้ำมันให้แก่ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต”
นางสาวนีรชา กล่าวต่อว่า สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการการเสนอขายหุ้นไอพีโอนั้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายขอบเขตการให้บริการกว้างออกไปให้ครอบคลุมน่านน้ำทั้งในและนอกประเทศที่ใกล้เคียง ซึ่งภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อว่าบริษัทฯ จะมีความน่าเชื่อถือทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ การเข้าหาลูกค้ารายใหม่ รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อนึ่ง บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 180 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้ว 110 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายต่อประชาชน 62.3 ล้านหุ้น และที่เหลืออีก 7.7 ล้านหุ้นเสนอขายกรรมการและผู้บริหารของบริษัทและบริษัทในกลุ่มของบริษัทแม่ที่ราคา IPO เช่นเดียวกันกับประชาชนทั่วไป