‘คลังพลาซ่า โคราช’ ห้างยักษ์ใหญ่แห่งเมืองย่าโม ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท คลังพลาซ่า จำกัด ออกตัวแรงแซงห้างค้าปลีกเมืองกรุง ประกาศจุดยืนทางการตลาด ขอเป็นห้างค้าปลีกที่ทันสมัยและครบวงจร ด้วยการอัดงบลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาธุรกิจเต็มสูบกับแผนงานการปรับภาพลักษณ์ใหม่ โดยเริ่มที่ ‘คลังพลาซ่า จอมสุรางค์’ เป็นแห่งแรก ชูความล้ำสมัยสไตล์โมเดิร์นระดับสากลทุกชั้นทุกแผนก ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเม้นท์ พร้อมแผนขยายสาขาที่ 4 และ 5 ภายใน 5 ปี คาดรายได้รวมธุรกิจหลังการปรับโฉมใหม่ ‘คลังพลาซ่า จอมสุรางค์’ เพิ่มขึ้นกว่า 40% และรายได้รวมหลังการปรับภาพลักษณ์และขยายสาขาแล้วเสร็จพุ่งสูงกว่า 150% หวังเบียดคู่แข่งก้าวขึ้นแท่นห้างอันดับหนึ่งในใจคนโคราช พร้อมเตรียมพร้อมเปิดประตูสู่อาเซียนในการเปิด AEC ในปี 2558
นายไพจิตร มานะศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คลังพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารงานห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่แห่งเมืองโคราช ‘คลังพลาซ่า’ เปิดเผยว่า “จากการดำเนินงานด้านค้าปลีกในรูปแบบของห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมามานานกว่า 56 ปี ซึ่งมีการขยายสาขารวม 3 แห่งในจังหวัด ได้แก่ คลังพลาซ่า สาขา 1 ถนนอัษฎางค์ , คลังพลาซ่า สาขา 2 ถนนจอมสุรางค์ และคลังวิลล่า สาขา 3 ถนนสุรนารายณ์ โดย ‘ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า’ นับได้ว่าป็นธุรกิจท้องถิ่นที่มีความเข็มแข็ง และประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดขายและการได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในเมืองโคราช และนักท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน สังเกตได้จากยอดผลประกอบการรวมทางธุรกิจในปี 2555 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงกว่า 11% และผลประกอบการรวมทางธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2556 (ม.ค. — มิ.ย. 2556) ที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวน่าจะเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์การทำงานของ ‘คลังพลาซ่า’ ที่มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก อีกทั้งมีการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดค้าปลีกอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด รวมทั้งมีการปรับตัวทางธุรกิจที่รวดเร็วเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน”
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 ทีมบริหาร ‘คลังพลาซ่า’ ได้กำหนดทิศทางทางการตลาดที่ชัดเจนให้กับธุรกิจเป็น 2 ส่วนหลักๆ เริ่มต้นด้วย 1) แผนการปรับภาพลักษณ์ใหม่สำหรับสาขาที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นปรากฎการณ์ทางธุรกิจที่สำคัญของ ‘คลังพลาซ่า’ ในรอบ 20 ปี เพื่อให้ ‘คลังพลาซ่า’ มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน โดยเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีความทันสมัยครบวงจร สอดรับกับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเม้นท์ เพื่อทำหน้าที่เป็นประตูเปิดสู่การค้าการลงทุนสำหรับตลาดอาเซียนในอนาคต และ 2) แผนการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ในเมืองโคราช ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยภายในปี 2558 จะดำเนินการเปิดในรูปแบบClose มอลล์ 1 แห่งก่อน ในงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งทิศทางทาง
การตลาดข้างต้นเป็นผลมาจากการศึกษาและติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค
ของกลุ่มลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด รวมทั้งได้ศึกษาวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ ซึ่งได้พบข้อมูลสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงทิศทางและโอกาสการขยายตัวของเมืองใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมสำหรับการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจในทุกๆ ด้านที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพมหานคร และผ่านออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม นอกจากนี้จังหวัดนครราชสีมายังมีแผนงานการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศที่สามารถเชื่อมโยงการค้าการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ หมายเลข 6 (สายบางปะอิน-โคราช) ขณะที่เขตอุตสาหกรรมนวนคร นครราชสีมา กำลังขยายการก่อสร้างเฟสที่ 3 ซึ่งจะมีแรงงาน ผู้ประกอบการ นักลงทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นและมีการขยายกิจการมากขึ้นด้วย และล่าสุดคณะนักลงทุนจากยุโรปและอเมริกาได้เข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานที่โคราช ทำให้เกิดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างคึกคัก มีกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ มาลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ทั้งคอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาและเหตุผลของการปรับทิศทางทางการตลาดทั้ง 2 ส่วนที่ได้กล่าวในข้างต้น
“จากทิศทางทางการตลาดที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนทั้ง 2 ส่วน ไม่ว่าจะเป็น แผนการปรับภาพลักษณ์ใหม่สำหรับสาขาที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน และ แผนการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ภายในปี 2558 คลังพลาซ่า จึงได้กำหนดกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามทิศทางทางการตลาดที่กำหนดไว้ นั่นคือ การขจัดจุดอ่อนของธุรกิจ และแปรเปลี่ยนให้เป็นจุดแข็ง ซึ่งทีมบริหารห้างฯ จะให้ความสำคัญกับการพิจารณาหาจุดอ่อนของธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อหาวิธีการปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นจุดแข็งทางธุรกิจในที่สุด” นายไพจิตร กล่าว
ทั้งนี้ ‘คลังพลาซ่า’ ได้เริ่มดำเนินการปรับเปลี่ยนทั้งโลโก้ รวมทั้งภาพลักษณ์และรูปโฉมใหม่ที่มีความทันสมัยครบวงจร สอดรับกับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเม้นท์ และรองรับการขยายตัวของกำลังซื้อที่เป็นคนในพื้นที่และคนต่างพื้นที่ โดยเลือก ‘คลังพลาซ่า สาขา จอมสุรางค์’ เป็นสาขานำร่อง โดยจะขยายพื้นที่ของห้างฯเพิ่มขึ้น 33% จากเดิม 20,000 ตร.ม. เป็น 30,000 ตร.ม. อีกทั้งเพิ่มพื้นที่จอดรถ และเพิ่มร้านค้า ร้านอาหารซึ่งเป็นที่นิยมอีกกว่า 16 ร้านค้า (รายละเอียดการปรับภาพลักษณ์ใหม่เพิ่มเติมตามเอกสารแนบ) ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาการดำเนินการทั้งสิ้นประมาณ 13 เดือน คือ กำหนดเปิดให้บริการสำหรับรูปโฉมใหม่แบบเต็มรูปแบบ ในวันที่ 9 ก.ย. 2557
“เรากำหนดงบประมาณสำหรับการปรับภาพลักษณ์ของสาขานำร่องไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 2,500 ล้านบาท เราจะจัดสรรเพื่อใช้ในการปรับภาพลักษณ์ของอีก 1 สาขา และสำหรับสาขาที่มีแผนจะเปิดใหม่อีก 1 แห่งภายในปี 2558 เพื่อเตรียมพร้อมรับการการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งเราวางคอนเซ็ปต์ของ ‘คลังพลาซ่า จอมสุรางค์’ ไว้เป็น ‘The Infinite Knowledge’ หรือ ‘ศูนย์การเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด’ โดยมีการออกแบบโลโก้ใหม่ให้สอดคล้อง
กับคอนเซ็ปต์ คือมีลักษณะคล้ายกับสันหนังสือ 9 ชั้น ซึ่งเท่ากับจำนวนชั้นของห้างฯ โดยใช้สีสันที่หลากหลายบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งนี้ภายในห้างจะประกอบด้วยส่วนของร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำ ธนาคาร และสวนสนุก เพื่ออำนวยความสะดวกและเติมเต็มให้คลังพลาซ่า เป็นศูนย์รวมความรู้และความบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่ง ณ ขณะนี้มีกลุ่มผู้เช่า ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำที่เซ็นสัญญาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ ‘คลังพลาซ่า สาขาจอมสุรางค์’ แล้วประมาณ 7 แบรนด์ อาทิ เอ็มเค สุกี้, ยาโยอิ, ฮาจิบัง ราเมน, ซัมซุง, ไอ-สตูดิโอ ,สตาร์บัคส์ โดยเราคาดหวังว่ารายได้รวมของธุรกิจหลังการปรับโฉมใหม่ ‘คลังพลาซ่า จอมสุรางค์’ จะเพิ่มขึ้นกว่า 40% หรือประมาณ 2,100 ล้านบาท อีกทั้งรายได้รวมหลังการปรับภาพลักษณ์และขยายสาขาทั้งหมดแล้วเสร็จจะพุ่งสูงกว่า 150% ส่งผลให้ ‘คลังพลาซ่า’ ก้าวขึ้นแท่นห้างอันดับหนึ่งในใจคนโคราชในที่สุด” นายไพจิตร กล่าวสรุป