นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดมีมติคงอัตราดอกเบี้นโยบายที่ระดับ 2.50% เนื่องจาก เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันเหมาะสมกับการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนปรน เพราะกำลังอยู่ในช่วงของการปรับตัว ขณะที่ปัจจุบันตลาดมีความกังวลในเรื่องการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE tapering) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งอาจส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ และตราสารทุน จึงมีแนวโน้มว่า ผลตอบแทนของพันธบัตรในตลาดอาจผันผวนในช่วงนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อรอให้ทิศทางตลาดมีความชัดเจนขึ้น
โดยในวันที่ 26 สิงหาคม บริษัทฯ จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 2 (ASP-MMF2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 79 ของสินทรัพย์สุทธิ และเสนอขายเป็นรอบระยะเวลาลงทุน 6 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ เช่น ตั๋วเงินคลัง / พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เงินฝาก Bank of China-Macau เงินฝาก PT Bank CIMB Niaga Tbk (CIMB Niaga) ตั๋วแลกเงิน บมจ. เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK) บมจ. ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ตั๋วแลกเงินแสนสิริ ตั๋วแลกเงิน เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.85% ต่อปี*