“ในช่วงไตรมาส 2 เอ็กโก กรุ๊ป มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการซื้อสินทรัพย์ในโครงการใหม่ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยลงทุนในโครงการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)ซึ่งให้ผลตอบแทนที่แน่นอน นอกจากนี้ ยังมีการขายหุ้นในบริษัทร่วมทุนที่ใกล้หมดอายุสัญญาเพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ด้วย” นายสหัสกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานด้านธุรกิจในไตรมาส 2 จนถึงปัจจุบันนายสหัส รายงานว่าโรงไฟฟ้า “ลพบุรี โซลาร์ ส่วนขยาย”จังหวัดลพบุรีได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 2พฤษภาคม 2556โรงไฟฟ้าพลังงานลม “เทพพนา”ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 18กรกฎาคม2556 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนในโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม“โบโค ร็อค วินด์ฟาร์ม”(Boco Rock Wind Farm)รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย กำลังการผลิตติดตั้ง 113 เมกะวัตต์ ด้วยการซื้อและโอนหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100จากบริษัท เอเชีย แปซิฟิกรีนิวเอเบิลส์ ลิมิเต็ด (Asia Pacific Renewables Limited) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556โดยโครงการนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 15 ปี กับเอนเนอยี่ ออสเตรเลีย (EnergyAustralia Pty Ltd.)
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ขายหุ้นในบริษัทร่วมทุน โดยลงนามสัญญาขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท โคแนลโฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น (โคแนล) ในสัดส่วนร้อยละ 40 ให้แก่บริษัท Alson Consolidated Resources, Inc. (ACR)เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในบริเวณโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความก้าวหน้าโดยบริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัดในกลุ่มเอ็กโกได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.เมื่อวันที่25 กรกฎาคม 2556ด้วยกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 930เมกะวัตต์ โดยมีอายุสัญญา 25 ปี
สำหรับความคืบหน้าของโครงการที่เอ็กโกกรุ๊ป มีส่วนเข้าถือหุ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในช่วงไตรมาส2 จำนวน 3โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“โซลาร์ โก”ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าจำนวน6 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ37ถึงร้อยละ 88 คาดว่าจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคม 2556 โครงการโรงไฟฟ้า “พลังงานขยะชุมชนหาดใหญ่”จังหวัดสงขลาก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 85คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม2557 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบฝายน้ำล้น “ไซยะบุรี”ใน สปป.ลาว อยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่และเริ่มก่อสร้างบางส่วนดำเนินการแล้วเสร็จประมาณร้อยละ10คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2562
ส่วนการพัฒนาธุรกิจนอกจากที่กล่าวไปแล้วนั้นนายสหัสกล่าวว่า “เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศจำนวน 3 โครงการประกอบด้วยโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ได้แก่ โครงการ “ทีเจ โคเจน”จังหวัดปทุมธานี โครงการ “ทีพี โคเจน” และ “เอสเค โคเจน”จังหวัดราชบุรี รวมกำลังการผลิต 375 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้ง 3 โครงการอยู่ระหว่างการทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)และการเตรียมการด้านวิศวกรรมและจัดหาเครื่องจักร (EPC)สำหรับการพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงร่วมทุนในการพัฒนา“โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเคซอนส่วนขยาย”ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตประมาณ 500 เมกะวัตต์ซึ่งนอกจากโครงการเหล่านี้ บริษัทฯ จะแสวงหาโอกาสในการขยายการลงทุนในโครงการอื่นๆ ด้วย เพื่อเสริมสร้างความเติบโตทางธุรกิจขององค์กรอย่างต่อเนื่องต่อไป”
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 19 แห่งคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทประมาณ4,510เมกะวัตต์และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาจำนวน9โครงการคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทประมาณ 1,754 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัททั้งสิ้นประมาณ6,264เมกะวัตต์