สปาไทยเตรียมจัดใหญ่ World Spa & Well-being Convention 2013 ยกระดับสปาไทย กระตุ้นการท่องเที่ยว

จันทร์ ๒๖ สิงหาคม ๒๐๑๓ ๑๖:๕๘
สมาคมสปาไทย ร่วมกับ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด พร้อมด้วยผู้สนับสนุนการจัดงาน กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แถลงข่าวการจัดงาน“World Spa & Well-being Convention 2013” มหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านธุรกิจสปา ครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองไทย โดยกำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Education, Standards & Innovation” A Professional platform for the Spa & Well-being industry ในระหว่างวันที่ 18 — 21 กันยายน 2556 ณ อาคาร 4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ในการแถลงข่าว มีการให้ข้อมูลการจัดงานโดย มร. แอนดรู แจคก้า อดีตนายกสมาคมสปาไทยและประธานการจัดงานWSWC 2013 พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก นางสุพิทย์ วีระใจ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบริการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นางสาวจตุพร วัฒนสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักธุรกิจบริการและโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ร่วม ปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “โอกาสและอุปสรรคในการเติบโตของอุตสาหกรรมสปาไทย และการบริการเพื่อสุขภาพในตลาดโลก” ดำเนินรายการโดย นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย ปิดท้ายด้วยการนำเสนองานGalileo Chini Exhibition โดย Mr. Guilio Marini เลขานุการเอก เอกอัครราชทูตอิตาลี สถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย โดยมีสื่อมวลชนและตัวแทนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสปา ในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นางสุพิทย์ วีระใจ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบริการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่า “ธุรกิจสปามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตที่ค่อนข้างสูง ในครึ่งปีแรกของปี 2556 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศกว่า 12.75 ล้านคน ซึ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่ผนวกกิจกรรมด้านสุขภาพ อาทิ มาท่องเที่ยวและหาเวลาตรวจสุขภาพและการเข้ารักษาพยาบาล รวมทั้งการใช้โปรแกรมแพทย์ทางเลือก เช่น การนวดแผนไทย การทำสปา อาบน้ำแร่ ซึ่งประเทศไทยได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติในธุรกิจบริการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทย ทำให้เกิดความคุ้มค่าในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งถ้าประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่จุดสุดยอดของการให้บริการสปาเหมือนกับประเทศแถบยุโรป และอเมริกา ก็จะทำให้สปาของไทยก้าวสู่ระดับสากลได้อย่างไม่ยากนัก ซึ่งจากการจัดงานในครั้งนี้ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและผลักดันกลุ่มธุรกิจดังกล่าวให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล”

นางสาวจตุพร วัฒนสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักธุรกิจบริการและโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้ข้อคิดเห็นว่า “แนวโน้มอุตสาหกรรมการส่งออกในกลุ่มธุรกิจสปา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการเปิด AEC ในปี 2558 นี้ ผู้ประกอบการไทยอาจจะต้องปรับรูปแบบการให้บริการที่เน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทย ความเป็นธรรมชาติ และประยุกต์การให้บริการที่สอดคล้องกับยุคสมัย โดยเฉพาะการใช้สมุนไพรไทย ซึ่งยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างดี รวมถึงการผสมผสานภูมิปัญญาไทยกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ควรมีใบรับรองและผลการวิจัยรองรับ ซึ่งจะเป็นจุดขายที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมาก ขณะเดียวกันการรักษาคุณภาพและมาตรฐาน รวมทั้งการให้บริการด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพอันอบอุ่นยังคงเป็นจุดเด่นสำคัญของสปาไทยที่ผู้ประกอบการต้องรักษาไว้ ควบคู่กับการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันให้คงอยู่ต่อไป โดยคาดการณ์ในปี 2558 ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมสปา จะสามารถนำรายได้เข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากเดิมในปี 2012 มูลค่า 16,415 ล้านบาท”

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “นโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข คือการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็น Medical Service Hub ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการบริการด้านสุขภาพในเชิงของการท่องเที่ยว จากการกำหนดแนวทางการพัฒนา Medical Hub เป็น 4 ด้านคือ เป็นศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ Wellness Hub ที่เป็นการบริการอย่างครบวงจร เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ Medical Service Hub ที่ต่อยอดกับระบบสปาและระบบการทำงานเพื่อสร้างสุขภาพ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทยและเป็นจุดหนึ่งที่หลายประเทศเข้ามาใช้บริการ เป็นศูนย์กลางการศึกษา วิชาการและงานวิจัย Academic Hub ที่เกี่ยวกับสุขภาพ และเป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ Product Hub เชื่อว่าการจัดงาน World Spa & Well-being Convention 2013 จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าว”

ด้าน มร. แอนดรู แจคก้า ประธานการจัดงาน กล่าวว่า “ด้วยอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมสปาที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทำให้สปาเป็นธุรกิจที่ดึงดูดนักลงทุน และกลายเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจสปาในประเทศไทย ที่กำลังเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “Spa capital of the world” ช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจสปาในประเทศ และการก้าวเข้าสู่ AEC ยังถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย โดยเฉพาะปัจจัยด้านคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปแข่งขันกับนานาประเทศ รวมไปถึงการขยายตลาดในอนาคต”

นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย กล่าวว่า “ธุรกิจสปาไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยประมาณร้อยละ 5-6 ต่อปี สร้างรายได้กว่า 15,000-16,000 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้บริการเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงร้อยละ 80 ในงาน World Spa & Well-being Convention 2012 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มียอดผู้เข้าชมงานกว่า 4,600 คน จาก 37 ประเทศ และการแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ ในธุรกิจสปาจากกว่า 90 บูธจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ช่วยการันตีได้ว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการส่งออก และเป็นผู้นำด้านสปาของโลก การจัดงานในครั้งนี้สมาคมสปาไทยจึงมุ่งที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในตลาดสปาโลกเพิ่มมากขึ้น โดยการประสานคุณภาพของผู้ประกอบการและซัพพลายเออร์ทางธุรกิจ เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของบริการและนวัตกรรมต่างๆ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการทำสปา พร้อมกันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่สนใจและผู้ประกอบการที่จะสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างกัน เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 8,000คน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม อาร์เมเนีย ออสเตรเลีย จีน อังกฤษ ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และหมู่เกาะแคริบเบียน” นายกรด กล่าวเสริม

ทั้งนี้ งาน World Spa & Well—being Convention 2013 แบ่งการจัดงานออกเป็น 2 รอบ คือรอบการเจรจาธุกิจ และรอบค้าปลีกสำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจในการประกอบธุรกิจสปา รวมไปถึงการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และการรวบรวมไฮไลท์เด็ดๆ ไว้อย่างมากมาย อาทิ การลงทะเบียนตามธาตุ โซนแห่งการเรียนรู้ มุมที่ปรึกษาด้านสปา โซนบูธนานาชาติ และกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจ รวมทั้งการประกาศรางวัล Thailand Spa & Well-being Awards พร้อมกันนี้ ยังมีการออกบูธของผู้ให้บริการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา ทั้งในส่วนของอุปกรณ์และส่วนตกแต่งสปา ผู้จำหน่ายแพ็คเกจสปา ศูนย์การเรียนรู้สปาและสถาบันวิชาชีพสปา ผู้จำหน่ายหนังสือด้านธุรกิจสปา นักออกแบบและตกแต่งภายในสปา ผู้ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจสปาที่จะมีมาให้ชมอย่างครบครัน รวมทั้งสิ้นกว่า 150 บริษัท ทั้งในและต่างประเทศ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร

อนึ่ง งาน World Spa & Well—being Convention 2013 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 — 21 กันยายน 2556โดยแบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 18 — 20 กันยายน 2556 ในเวลา 10.00 — 19.00 น. และ วันค้าปลีกสำหรับผู้ชมงานทั่วไป ในวันที่ 21 กันยายน 2556 นี้ ตั้งแต่ 10.00 — 20.00 น. ณ อาคาร 4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.worldspawellbeing.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ