สธ. ร่วมกับองค์การอนามัยโลก แถลงผลการติดตามแผนงานวัณโรคแห่งชาติ พบวัณโรคเป็นปัญหาในประชากรย้ายถิ่นทั้งไทยและต่างด้าว นับเป็นปัญหาท้าทายก่อนเข้าสู่ยุค AEC

พุธ ๒๘ สิงหาคม ๒๐๑๓ ๑๖:๔๒
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้นายแพทย์ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการแถลงข่าว ภายหลังผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับสูงขององคืการอนามัยโลก นำโดย Dr.Mario Raviglione ผู้อำนวยการแผนงานวัณโรค สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก Dr.Paul Nunn ผู้เชี่ยวชาญด้านวัณโรค Dr.Yonas Tegegn ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยและผู้แทนจากฝ่ายไทยนำโดย นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักวัณโรค เข้าพบเพื่อรายงานผลการติดตามทบทวนแผนงานวัณโรคแห่งชาติ ครั้งที่ 5 (Joint International Monitoring Mission to Review NTP Thailand 2013)

นายแพทย์ประสิทธิ์ กล่าวว่า โรควัณโรคยังคงเป็นปัญหาแพร่ระบาดทั่วโลก เป็นสาเหตุการเสียชีวิตปีละกว่า 1.7 ล้านคน องค์การอนามัยโลกจัดให้ไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรคในระดับรุนแรง ซึ่งคาดว่าขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคทั้งรายเก่าและใหม่ประมาณ 110,000 ราย โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มปีละประมาณ 86,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 9,800 ราย และประการสำคัญที่สุดที่ต้องเร่งจัดการปัญหาให้เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือปัญหาเชื้อวัณโรคดื้อยาหลายขนานและดื้อยารุนแรง ซึ่งจะทำให้การใช้งบประมาณเพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาสิ้นเปลืองกว่าเชื้อวัณโรคทั่วไป 50 ถึง 100 เท่า องค์การอนามัยโลกประมาณการว่าประเทศไทยน่าจะมีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานและวัณโรคดื้อยารุนแรงประมาณ 2,000 ราย และอาจแพร่เชื้อชนิดนี้ไปสู่คนอื่นได้อีก

Dr.Mario Raviglione กล่าวว่า ผลการกำกับติดตามทบทวนแผนงานวัณโรคแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 13-23 สิงหาคม 2556 พบว่า ประเทศไทยมีโครงสร้างและระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง มีความพร้อมทั้งงบประมาณและการจัดหายาวัณโรค คนไทยสามารถเข้าถึงบริการมากกว่าร้อยละ 98 ผลการรักษาผู้ป่วยวัณโรคมีแนวโน้มดีขึ้นมาก อัตราป่วยอัตราตายลดลง แต่ความท้าทายเร่งด่วน และปัญหาใหญ่ที่พบก่อนเข้าสู่ยุค AEC คือปัญหาการแพร่ระบาดของวัณโรคดื้อยาหลายขนาน การเข้าถึงบริการ ความร่วมมือในการรักษา โดยมุ่งเน้นในกลุ่มประชากรย้ายถิ่นทั้งคนไทยและต่างด้าว โดยประชากรเหล่านี้อาจพบปัญหาการเข้าถึงบริการ การวินิจฉัย กำกับการดูแลรักษาวัณโรคได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการว่าน่าจะมีประชากรย้ายถิ่นโดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวทั้งถูกต้องและผิดกฎหมายถึง 3.5 ล้านคน โดยเฉพาะจังหวัดที่เข้าดำเนินการ คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ภูเก็ต ตาก และศรีสะเกษ จะมีประชากรย้ายถิ่นทั้งไทยและต่างด้าวกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับประชากรท้องถิ่น พร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยเร่งรัด ดังนี้

1. กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับปัญหาวัณโรค โดยเฉพาะในด้านงบประมาณ เพื่อผลักดันให้เข้าถึงบริการ เร่งรัดการคัดกรอง ค้นหาผู้ป่วย เสริมความเข้มแข็งทั้งภาครัฐและเอกชนในการควบคุมป้องกันวัณโรค

2. พัฒนาระบบรายงาน โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ การขึ้นทะเบียนรักษา โดยเฉพาะวัณโรคในเด็ก วัณโรคดื้อยาหลายขนาน การเฝ้าระวัง ติดตามผู้ป่วย ทั้งในกลุ่มประชากรไทยและต่างด้าว

3. เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา เพื่อป้องกันปัญหาวัณโรคดื้อยา เน้นในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้ติดเชื้อHIV กลุ่มผู้สูงอายุ และประชากรย้ายถิ่นทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร

4. ในกลุ่มประชากรย้ายถิ่นทั้งไทยและต่างด้าว กระทรวงสาธารณสุขควรสนับสนุนให้เข้าถึงบริการ โดยเฉพาะต่างด้าวไร้สิทธิ มีมาตรการในการส่งต่อ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ

ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทย สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีมีผลทำให้ปัญหาวัณโรคปะทุขึ้นอีก คนที่ติดเชื้อเอชไอวี ประชากรย้ายถิ่น แรงงานต่างด้าว ผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคสูงกว่าคนปกติ กระทรวงสาธารณสุขโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับปัญหาวัณโรคมาตลอด โดยพยายามจะจัดสรรงบประมาณให้มากขึ้น เพิ่มศักยภาพโดยการพัฒนาบุคลากร และมีแนวคิดที่จะผลักดันงานวัณโรคให้บรรลุผลสำเร็จ มีการกำหนดแผนป้องกันและควบคุมวัณโรค เพื่อเข้าสู่ยุค AEC รวมทั้งสนับสนุนองค์กรภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนให้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและกองทุนโลกเพื่อต่อสู้และดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาวัณโรค ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO