PwC ปรับโครงสร้างรุกธุรกิจที่ปรึกษา ร่วมทุนบุกตลาดอาเซียน หลังมองแนวโน้มภูมิภาคสดใสในอีก5ปีข้างหน้า

พฤหัส ๒๙ สิงหาคม ๒๐๑๓ ๑๐:๒๗
บริษัท PwC (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส) ประกาศจัดตั้งธุรกิจร่วมทุนในการให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับบริษัทในเครือข่ายจากนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกาและในภูมิภาคเดียวกัน โดยตั้งเป้ารุกธุรกิจที่ปรึกษาในตลาดอาเซียนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ยกระดับคุณภาพบริการ บุคลากร และขยายฐานลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ หลังคาดการณ์ว่าแนวโน้มดีมานต์ตลาดที่ปรึกษาในอาเซียนจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา PwC ได้มีการเปิดตัวธุรกิจร่วมทุนใหม่ อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ South East Asia Consulting Joint Venture หรือ SEAC โดยมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของงานด้านที่ปรึกษาของบริษัท ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ยังได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่กำลังจะมาถึงอย่างเป็นทางการในปี 2559 ซึ่งจะทำให้ภูมิภาค มีประชากรที่เป็นผู้บริโภคมากขึ้นกว่า 500 ล้านคน กลายเป็นแหล่งการค้าการลงทุนที่สำคัญ และเป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น

นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และ หุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวถึงการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ งานด้านที่ปรึกษาผ่านการร่วมทุนในครั้งนี้ว่า บริษัทในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายในภูมิภาค ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับบริษัทในเครือฯ อื่นๆในอันที่จะยกระดับขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการทำธุรกิจให้มากขึ้น ซึ่งพีดับบลิวซีประเทศไทย จะได้รับประโยชน์ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการลูกค้า ในระดับที่เป็นภูมิภาคมากขึ้น มีการแชร์และบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของพีดับบลิวซีในแต่ละสำนักงานทั่วโลก เพื่อให้สามารถทำงานให้แก่ลูกค้าในแต่ละโปรเจ็คได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายตลาด ครอบคลุมทั้งลูกค้าคนไทย ลูกค้าในภูมิภาค รวมถึงลูกค้าข้ามชาติขนาดใหญ่

“เป้าหมายของการปรับโครงสร้างในครั้งนี้คือ เราต้องการที่จะกระตุ้น Growth และฉวยโอกาสในการปูทางไปสู่การเปิดตลาด Cousulting ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ของเราในการมุ่งขยายการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและนอกภูมิภาค ซึ่งทุกท่านคงทราบกันดีว่า อาเซียนถือเป็นภูมิภาคหนึ่งในโลกที่มีการเติบโตเร็วมากที่สุดไปแล้ว ณ เวลานี้” นายศิระกล่าว

ในส่วนของ PwC ประเทศไทย บริษัทจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในโครงการดังกล่าว โดยทำงานร่วมกับพีดับบลิวซีในประเทศอื่นๆ ประกอบด้วย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว และ กัมพูชา โดยการร่วมทุนนี้มีสัดส่วนการลงทุนมาจากพีดับบลิวซีในอาเซียนอยู่ประมาณ 70% และ 30% จากพีดับบลิวซีในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ สหรัฐอเมริกา

ด้าน นางสาววิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา และหนึ่งในฐานะผู้นำโครงการจากประเทศไทย กล่าวว่า “การปรับโครงสร้างทางธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยให้ PwC ประเทศไทย สามารถยกระดับงานด้านที่ปรึกษาไปสู่อีกขั้น ตอบรับกับการแข่งขันที่ท้าทายในยุคปัจจุบัน ท่ามกลางสภาวการณ์ที่เงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ภูมิภาคในระยะยาว ไม่ว่าจากจีน ญี่ปุ่น หรือ สหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวอยู่บ้างในช่วงที่ผ่านมา”

“เรายังมองว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็น next frontier ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง รูปแบบการค้าการลงทุนโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจากอิทธิพลตะวันตกมาสู่ตลาดเกิดใหม่มากขึ้น อีกทั้งภูมิต้านทานต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่มีมากของบรรดาธุรกิจในภูมิภาค ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานที่มีนัยสำคัญต่อการเติบโตในอนาคตในระยะต่อไป อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-8% ระหว่างปี 2552-2556 และยังมีการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตจะยิ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า” นางสาววิไลพรกล่าว

“ในแง่ของตลาดธุรกิจที่ปรึกษาเอง อาเซียนถือเป็นตลาดหนึ่งที่มีการเติบโตรวดเร็วและมีการแข่งขันมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หากสังเกต จะเห็นว่า มีบริษัทที่ปรึกษาทั้งขนาดเล็กและใหญ่ของโลกประกอบธุรกิจอยู่ในภูมิภาคกันเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมา มีการสำรวจกันว่าตลาด Consulting ในอาเซียนมีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2555” เธอกล่าว

นายเดเร็ก คิดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการร่วมทุนธุรกิจที่ปรึกษาของ PwC ยังกล่าวเสริมว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้ จะช่วยสร้างรากฐานงานที่ปรึกษาของบริษัทให้ไปสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยจะช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าลูกค้าจะประกอบธุรกิจอยู่ที่ใดในโลก

“สิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากการทำงานกับลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา คือ ดีมานต์ของภาคธุรกิจที่ต้องการมีผู้เชี่ยวชาญ หรือ ที่ปรึกษาในการให้คำแนะนำและความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เวลาขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ (ยกตัวอย่าง กลุ่มประเทศ CLMV เช่น พม่า) ยิ่งภูมิภาคยิ่งบูม ธุรกิจยิ่งโต ยิ่งจำเป็นที่ธุรกิจจะต้องมีความสามารถในการ Identify โอกาสและความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที ซึ่งการปรับโครงสร้างตรงนี้จะช่วยให้เรา Support ลูกค้าและตอบโจทย์ความต้องการได้ดีขึ้น” นายเดเร็ก กล่าว

“การทำงานภายใต้การปรับโครงสร้างใหม่ จะมีจุดโฟกัสไปที่การแชร์ Resource ของเราทั้งในแง่ของกำลังพล และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ จะมีการทำงานกันแบบ Streamline และเป็นภูมิภาคมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าเราได้รับคำปรึกษาที่ดีที่สุดที่จะช่วยต่อยอดทางธุรกิจหรือสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อไป” เขากล่าว

เมื่อมองเทรนด์ของธุรกิจในอนาคต นายเดเร็ก กล่าวว่า บริการธุรกิจที่ปรึกษาหลักที่น่าจะเข้ามามีบทบาทและได้รับความนิยมมากที่สุดในอาเซียน ได้แก่ การบริหารจัดการบุคลากรในองค์กร (Talent) ดิจิตัลเทคโนโลยี (Digital technology) และการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร (Sustainability)

นอกจากนี้ นายเดเร็กยังคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมธุรกิจที่ปรึกษาจะเห็นการควบรวม (Consolidation) กันมากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทที่ปรึกษาขนาดเล็ก (Boutique) จะได้รับแรงกดดันให้ต้องเพิ่มขีดความสามารถหรือหาพันธมิตรเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่ก็อาจจะต้องมีการปรับโครงสร้างการทำธุรกิจโดยจับกลุ่มลูกค้าและบริการให้เป็นระดับภูมิภาคมากขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๕๒ ดิเอมเมอรัลด์ช่วยสนับสนุนงานกาชาด
๑๔:๓๑ เอพี ไทยแลนด์ รับ 3 รางวัลจาก Meta ตอกย้ำจุดยืน แบรนด์อสังหาฯ ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์และดาต้า
๑๔:๓๕ มาคาเลียส แหล่งรวม อี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย เผย 10 เทรนด์ท่องเที่ยวไทยปี
๑๔:๓๙ MOSHI ผู้นำธุรกิจค้าปลีกไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของไทย ทุบสถิติไตรมาส 4 โชว์ SSSG พุ่งทะยานกว่า 20% รับความสำเร็จกลยุทธ์ Collaboration Project ตลอดปี 2567 มั่นใจกวาดรายได้ทะลุเป้าโต
๑๔:๒๑ Zentry เตรียมเปิดตัว Ragnarok Landverse บน Ronin เกม MMORPG ระดับตำนานที่มีผู้เล่นกว่า 100 ล้านคน เตรียมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี
๑๔:๔๕ การประชุมข้าวยั่งยืนระดับโลกเรียกร้องสู่การเปลี่ยนแปลงวงการข้าว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๑๔:๓๔ LPN คาดอสังหาฯ EEC ส่งสัญญาณบวกรับดีมานด์นักลงทุนจีนขยายฐานการผลิตชลบุรี-ระยอง ดัน EARN Condo by LPN รับอานิสงส์ปล่อยเช่า Yield ดีสูงสุด
๑๔:๕๐ โอเพ่นสเปซ กองทุนชั้นนำระดับภูมิภาค พร้อมผลักดันสตาร์ทอัพไทย เดินหน้าเพิ่มการลงทุนร่วมเสริมแกร่งอนาคตเทคโนโลยีไทย
๑๔:๓๘ เอเชี่ยน เคมิคัล ฝึกซ้อมแผนภาวะฉุกเฉินสารคลอรีนรั่วไหล ประจำปี 2567
๑๓:๒๗ กสิกรไทยสำรองเงินสด 35,900 ล้านบาท รับเทศกาลปีใหม่