นายสุรพล รุจิกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน)(DIMET) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีคุณภาพสูงสำหรับใช้ทาในงานอุตสาหกรรม งานโครงเหล็ก รวมทั้งสีทาภายใน-ภายนอกอาคาร สีเคลือบไม้ สีทาเฟอร์นิเจอร์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์สีทาอาคารของบริษัทมีแนวโน้มได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการผลักดันการเติบโต
ทั้งนี้คาดว่ารายได้รวมปีนี้ (ก.ค.56-มิ.ย.57) จะมีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 15% และผลประกอบการของบริษัทจะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ ซึ่งแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีจะเน้นการรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดีประมาณ 25% รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆออกไปอย่างต่อเนื่อง
โดยในส่วนของสีกันสนิมจะเน้นการเจาะลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ขณะที่สีทาอาคารจะมีการขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางโมเดิร์นเทรดและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศให้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านโฮมโปร 10 สาขา โกลบอลเฮ้าส์ 2 สาขา คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.56 บริษัทจะสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในส่วนของโมเดิร์นเทรดและตัวแทนจำหน่ายรวม 50 แห่งทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีอยู่ 45 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งจะมีการขยายช่องทางเข้าสู่โมเดิร์นเทรดอื่นๆอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการตลาดสีทาอาคาร DIMET จะเน้นการสร้างคาแร็คเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ โดยจะมุ่งเน้นการเป็นผลิตภัณฑ์สีระดับพรีเมี่ยมที่มีความโดดเด่นด้านการตกแต่ง ปลอดภัยกับผู้ใช้ ผู้อยู่อาศัย ซึ่งจะมีการทำกิจกรรมการตลาดผ่านทางช่องทางออนไลน์กับกลุ่มผู้ใช้แบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล
นอกจากนี้จะมีการสร้างแบรนด์สี DIMET ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบ อาทิ การจัดโปรโมชั่นพิเศษ กิจกรรมแนะนำผลิตภัณฑ์ ณ จุดขาย การใช้สื่อโฆษณา การเข้าร่วมงาน EXPO รูปแบบต่างๆ รวมทั้งจะมีการขยายฐานลูกค้าทั่วไปและโครงการออกไปสู่หัวเมืองในส่วนภูมิภาคด้วยเช่นกัน
นายสุรพล กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการงวด 12 เดือน (ก.ค.55-มิ.ย.56) ว่า รายได้รวมของบริษัทมีการชะลอตัวเล็กน้อยจากการลดลงของยอดขายสีทนความร้อนที่ส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผลมากจากการออกกฎหมายควบคุมการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์และยอดสั่งซื้อสีทนความร้อนลดลง ส่งผลให้รายได้รวมอยู่ที่ 378.55 ล้านบาท ลดลง 3.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 390.94 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิจำนวน 14.66 ล้านบาท