นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น เพื่อจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง ซึ่งเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัวอยู่ในปัจจุบันนี้ และมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย พร้อมกันนี้ บริษัทยังจะขยายตลาดมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศที่จะนำร่องเปิดตลาดทั้งในพม่าและกัมพูชา เพื่อรองรับ AEC ในปี 2558 นี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) ประมาณ 800 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 15 % ทำให้มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม และ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการ lock up หุ้นใน Silent Period จำนวน 55% แล้ว กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจึงยินดีที่จะ lock up หุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period อีก 19.3% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ดังนั้นหุ้นที่นำมาเสนอขายและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันแรกจะมีเพียงหุ้นที่เพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 25.7% เท่านั้น
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.บางกอก เดค-คอน เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท โดยราคาเสนอขายในครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ที่ 11.54 เท่า คำนวณจากกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของบริษัท 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 ถึง 30 มิถุนายน 2556 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้รวม 700,000,000 หุ้น จะได้กำไรสุทธิที่เท่ากับ 0.13 บาทต่อหุ้น โดย P/E Ratio ที่เสนอขายคิดเป็นส่วนลดร้อยละ 38.33 จาก P/E Ratio เฉลี่ยของ MODERN, SIAM และ ECF โดยเป็นส่วนลดร้อยละ 36.35 จากค่า P/E Ratio เฉลี่ย ของบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MODERN) และ ส่วนลดร้อยละ 24.53 จากค่า P/E Ratio เฉลี่ย ของบริษัท สยามสตีล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคิดเป็นส่วนลดร้อยละ 54.10 จากค่า P/E Ratio เฉลี่ย ของบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2556 จนถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ที่ใช้ในการพิจารณาราคาเสนอขายหลักทรัพย์ที่ 18.13 เท่า 15.29 เท่า และ 25.14 เท่าตามลำดับ โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นสำหรับประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 16 - 18 กันยายน 2556 และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 25 กันยายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "BKD"
"ผมเชื่อมั่นว่าหุ้น BKD จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีการเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งอุตสาหกรรมนี้ยังมีการเติบโตอีกมาก ประกอบกับเป็นแผนงานรุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มสูบ และเดินหน้าสู่ผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยที่ผ่านมาถือได้ว่า BKD อยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศ เพราะงานโครงการที่ได้รับมานั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าที่มีชื่อเสียง อาทิ โครงการศูนย์ราชการกรุงเทพฯ ,โครงการอาคารสำนักงาน บมจ. ปตท.สผ., ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพของ บมจ.ปตท. เป็นต้น และด้วยเหตุนี้จะทำให้ BKD มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป" นายก้องเกียรติ กล่าวในที่สุด
ด้านนายชัยนรินทร์ สายรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกซิตี้ แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.บางกอก เดค-คอน เปิดเผยว่า การกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอ ที่ระดับ 1.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของ BKD ซึ่งธุรกิจมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ขณะเดียวกันบริษัทได้รับความไว้วางใจในสายงานเป็นอย่างมาก ดูได้จากงานโครงการที่ได้รับมาล้วนแต่เป็นลูกค้าที่มีชื่อเสียง และกระบวนการดำเนินงานที่มีโรงงานแบบ Pre-Fabrication ซึ่งทำให้การดำเนินตกแต่ง และติดตั้งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของ BKD จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลามเมื่อเปิดให้จองซื้อและคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วยทั้งนี้
ปัจจุบัน บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD มีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 260 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 520 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 180 ล้านหุ้น จะมีทุนชำระแล้วเป็น 350 ล้านบาท