นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์ แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด เปิดเผยถึงตลาดคอนโดมิเนียม ว่าความต้องการคอนโดมิเนียมรายล้อมเส้นทางรถไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่พ.ศ. 2552 ถึง กลางปี พ.ศ. 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,630 หน่วย มียอดขายไปแล้วจำนวนกว่า 40,006 หน่วย เหลือขายเพียง 16,424 หน่วย ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่รายล้อมเส้นทางรถไฟฟ้า 4 สายคือ บี ที เอส สายสีเขียวอ่อน จำนวน 16,429 หน่วย บี ที เอส สายสีเขียวเข้ม จำนวน 9,866 หน่วย เอ็ม อาร์ ที สายสีน้ำเงิน จำนวน 2,917 หน่วย และเอ็ม อาร์ ที สายสีม่วง จำนวน 25,418 หน่วย
สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าที่คอนโดมิเนียมขายดีที่สุด คือสายสีเขียวเข้ม โดยส่วนต่อขยายสีเขียวเข้มช่วง สะพานตากสิน ถึง วงเวียนใหญ่ มีจำหน่ายทั้งสิ้น4,163 หน่วย ขายไปได้ 3,477 หน่วย เหลือเพียง 686 หน่วย อัตราการขายอยู่ที่ 83.5 % โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 120,196 บาท ต่อ ตารางเมตร ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มช่วง วงเวียนใหญ่ ถึงตลาดพลู มีจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 2,508 หน่วย ขายไป1,599 หน่วย เหลือเพียง 909 หน่วย ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 82,543 บาทต่อตารางเมตร และส่วนต่อขยายสีเขียวเข้ม ช่วงตลาดพลู ถึงบางหว้า มีจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 3,195 หน่วย ขายไปได้ 2,752 หน่วย เหลือเพียง 443 หน่วย ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 63,457 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งตัวเลขการเติบโตของคอนโดสูงขึ้นทุกปี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นายพนม กล่าวว่านอกจากยอดขายคอนโดมิเนียมจะเติบโตแล้ว ได้มีการทำวิจัยถึงสภาวะตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯยังคงเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2011 กลุ่มที่มีความต้องการปรับตัวสูงขึ้นสูงสุดคือกลุ่มอาคารสำนักงานเกรดเอ โดยล่าสุดอัตราการเช่าสำนักงานในกรุงเทพฯอยู่ที่ 88.02 % จากพื้นที่ทั้งหมดในปัจจุบันของสำนักงานออฟฟิศที่มีอยู่ หรือปริมาณพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพรวมอยู่ที่ 4,628,564 ตารางเมตร และในปี 2557 จะมีเพิ่มขึ้นอีก 200,529 ตารางเมตร โดยไม่รวมอาคารที่มีหลายเจ้าของและอาคารสำนักงานที่มีขนาดเล็กกว่า 5,000 เมตร
“ มุมมองในอนาคตผู้เช่าควรเตรียมพร้อมรับค่าเช่าที่จะยังคงถีบตัวสูงขึ้นในย่านซีบีดีเนื่องจากอัตราการเช่าที่สูงและความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพื้นที่เกรดเอซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดการเช่าที่สำคัญตลอดทั้งปี 2013 นี้ ”
“อาคารใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีในทำเลธุรกิจใหม่ๆอย่างเช่นรัชดาภิเษกอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้เช่า เนื่องจากอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ อาคารมีคุณภาพ สามารถเดินทางเชื่อมโยงกับทางด่วน และแนวบริการขนส่งมวลชนต่างๆ ตลอดจนห้างร้านค้าปลีก ปัจจัยทั้งหมดนี้อาจทำให้ผู้เช่าบางรายเริ่มมองว่าการอยู่ในย่านธุรกิจกลางเมืองมีประโยชน์สำหรับธุรกิจของตนจริงหรือไม่ในที่สุด ” นายพนมกล่าว
ด้าน ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในฐานะผู้ประกอบการด้านอสังหาฯกล่าวว่า จากการเปิดตัวของ AEC เชื่อว่าธุรกิจอสังหา กลุ่มสำนักงานออฟฟิศ คอนโด และเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคค่อนข้างมากเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรจากแหล่งงานต่างๆ ความต้องการที่อยู่อาศัยชั่วคราว ประเภท Service Apartment หรือประเภท Condo ปล่อยเช่า ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามมา ในส่วนของภาคธุรกิจความต้องการด้านพื้นที่สำนักงานเพิ่มสูงขึ้น และพื้นที่ Retail ให้บริการเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายราคาที่ดินก็จะเพิ่มสูงขึ้น
“ นอกจากการเปิดตัว AEC ที่ทำให้ธุรกิจอสังหาเติบโตคึกคักแล้ว ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพมหานครที่สูงขึ้น คือ ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ,สนามบิน,ศูนย์กลางธุรกิจ และแนวโน้มรายได้ประชากรที่สูงขึ้นจากการลงทุนในไทยมากขึ้น ”ดร.ดลพิวัฒน์กล่าว